สาวเวียดนามดัดเแปลงกระเป๋าด้วยวิธีห่อกระดาษฟรอยด์ไว้อย่างหนาเพื่อป้องกันสัญญาณเซ็นเซอร์ ก่อนเข้าไปทำทีเดินดูเสื้อร้าน MNG ในห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว อาศัยจังวะฉกเสื้อ 5 ตัวในกระเป๋าแล้วรีบเดินออก แต่สัญญาณเซ็นเซอร์เกิดดังเลยทิ้งกระเป๋ารีบเผ่นทันที แต่ไปไม่รอดพนักงานของร้านไล่กวดตามรวบตัวเอาไว้ได้
เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (9 ม.ค.) พ.ต.ท.สุรจิตร เปลี่ยนประเสริฐ สว.สส.สน.พหลโยธิน พ.ต.ต.สุภศิน กล่อมเกษม สว.สส.สน.พหลโยธิน นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธินจับกุมตัว น.ส.เล ทิเวียน อายุ 35 ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมของกลางเสื้อสตรียี่ห้อ MNG สีน้ำเงิน 1 ตัว ราคา 2,190 บาท เสื้อเกาะอกยี่ห้อ MNG สีดำ 1 ตัว ราคา 2,990 บาท เสื้อแจ็กเก็ตยี่ห้อ MNG สีเทาดำ 1 ตัว ราคา 4,490 บาท เสื้อเชิ้ตยี่ห้อ MNG สีเทาดำ 1 ตัว ราคา 3,590 บาท เสื้อผ้าถักแขนสั้นยี่ห้อ MNG สีฟ้า 1 ตัว ราคา 1,190 บาท รวมมูลค่าประมาณ 10,590 บาท และกระเป๋าสะพายแบบสตรีสีดำแดง 1 ใบ โดยสามารถจับกุมตัวได้บริเวณลานจอดรถชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจาก น.ส.ณัฐพัชร พู่ไพจิตร์กุล อายุ 31 ปี ผู้จัดการร้าน MNG ตั้งอยู่ชั้น 1 ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ว่าสามารถจับกุมคนร้ายที่เข้ามาขโมยเสื้อภายในร้านได้ และให้เข้ามารับตัวที่บริเวณลานจอดรถชั้นที่ 2 ของห้าง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาสอบปากคำที่สน.พหลโยธิน
จากการสอบถาม น.ส.ณัฐพัชร กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้ต้องหาสะพายกระเป๋าใบดังกล่าวเข้ามาภายในร้านแล้วก็เดินเลือกดูสินค้าตามปกติ จากนั้นก็เดินออกไปนอกร้าน แต่สัญญาณเซ็นเซอร์ที่ตั้งไว้หน้าร้านก็เกิดดังขึ้น นายพัทรวุฒิ อินธะนะ พนักงานของร้าน ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ เห็นผิดสังเกตจึงเดินไปหาทันที แต่ผู้ต้องหากลับวิ่งหนีพร้อมทั้งทิ้งกระเป๋าใบดังกล่าวไว้ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปทางลานจอดรถชั้นที่ 2 แต่นายพัทรวุฒิก็วิ่งตามไปจนสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้
น.ส.ณัฐพัชร กล่าวต่อว่า หลังจากนั้ตนก็เปิดดูในกระเป๋าที่ผู้ต้องหาทิ้งไว้ก็พบเสื้อผ้าของทางร้าน ซิมการ์ดของต่างประเทศ หนังสือเดินทางประเทศเวียดนาม และเงินสดอีก 1,700 บาท นอกจากนี้ยังพบว่ากระเป๋าถูกดัดแปลงโดยใช้กระดาษฟอยล์อย่างหนาหุ้มด้านในไว้ทั้งหมด เพื่อกันสัญญาณเซ็นเซอร์ แต่ครั้งนี้คาดว่าน่าจะเกิดความผิดพลาดสัญญาณเลยจึงดังขึ้น
ด้าน พ.ต.ท.สุรจิตร กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เดินทางเข้ามาประเทศไทยเมื่อวานนี้ (8 ม.ค.) จากนั้นก็ไปซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ย่านบางลำพู ก่อนจะเดินทางมาก่อเหตุที่ร้านจนถูกจับได้ดังกล่าว และก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ทุกครั้งก็จะใช้พฤติการณ์เดียวกันทั้งหมด ส่วนสินค้าที่ขโมยมาก็จะเอาไปขายที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะทำเป็นขบวนการ เบื้องต้นจึงได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ ก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี พร้อมทั้งจะขยายผลจับกุมผู้ที่อยู่ในขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (9 ม.ค.) พ.ต.ท.สุรจิตร เปลี่ยนประเสริฐ สว.สส.สน.พหลโยธิน พ.ต.ต.สุภศิน กล่อมเกษม สว.สส.สน.พหลโยธิน นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธินจับกุมตัว น.ส.เล ทิเวียน อายุ 35 ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมของกลางเสื้อสตรียี่ห้อ MNG สีน้ำเงิน 1 ตัว ราคา 2,190 บาท เสื้อเกาะอกยี่ห้อ MNG สีดำ 1 ตัว ราคา 2,990 บาท เสื้อแจ็กเก็ตยี่ห้อ MNG สีเทาดำ 1 ตัว ราคา 4,490 บาท เสื้อเชิ้ตยี่ห้อ MNG สีเทาดำ 1 ตัว ราคา 3,590 บาท เสื้อผ้าถักแขนสั้นยี่ห้อ MNG สีฟ้า 1 ตัว ราคา 1,190 บาท รวมมูลค่าประมาณ 10,590 บาท และกระเป๋าสะพายแบบสตรีสีดำแดง 1 ใบ โดยสามารถจับกุมตัวได้บริเวณลานจอดรถชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจาก น.ส.ณัฐพัชร พู่ไพจิตร์กุล อายุ 31 ปี ผู้จัดการร้าน MNG ตั้งอยู่ชั้น 1 ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ว่าสามารถจับกุมคนร้ายที่เข้ามาขโมยเสื้อภายในร้านได้ และให้เข้ามารับตัวที่บริเวณลานจอดรถชั้นที่ 2 ของห้าง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาสอบปากคำที่สน.พหลโยธิน
จากการสอบถาม น.ส.ณัฐพัชร กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้ต้องหาสะพายกระเป๋าใบดังกล่าวเข้ามาภายในร้านแล้วก็เดินเลือกดูสินค้าตามปกติ จากนั้นก็เดินออกไปนอกร้าน แต่สัญญาณเซ็นเซอร์ที่ตั้งไว้หน้าร้านก็เกิดดังขึ้น นายพัทรวุฒิ อินธะนะ พนักงานของร้าน ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ เห็นผิดสังเกตจึงเดินไปหาทันที แต่ผู้ต้องหากลับวิ่งหนีพร้อมทั้งทิ้งกระเป๋าใบดังกล่าวไว้ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปทางลานจอดรถชั้นที่ 2 แต่นายพัทรวุฒิก็วิ่งตามไปจนสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้
น.ส.ณัฐพัชร กล่าวต่อว่า หลังจากนั้ตนก็เปิดดูในกระเป๋าที่ผู้ต้องหาทิ้งไว้ก็พบเสื้อผ้าของทางร้าน ซิมการ์ดของต่างประเทศ หนังสือเดินทางประเทศเวียดนาม และเงินสดอีก 1,700 บาท นอกจากนี้ยังพบว่ากระเป๋าถูกดัดแปลงโดยใช้กระดาษฟอยล์อย่างหนาหุ้มด้านในไว้ทั้งหมด เพื่อกันสัญญาณเซ็นเซอร์ แต่ครั้งนี้คาดว่าน่าจะเกิดความผิดพลาดสัญญาณเลยจึงดังขึ้น
ด้าน พ.ต.ท.สุรจิตร กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เดินทางเข้ามาประเทศไทยเมื่อวานนี้ (8 ม.ค.) จากนั้นก็ไปซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ย่านบางลำพู ก่อนจะเดินทางมาก่อเหตุที่ร้านจนถูกจับได้ดังกล่าว และก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ทุกครั้งก็จะใช้พฤติการณ์เดียวกันทั้งหมด ส่วนสินค้าที่ขโมยมาก็จะเอาไปขายที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะทำเป็นขบวนการ เบื้องต้นจึงได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ ก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี พร้อมทั้งจะขยายผลจับกุมผู้ที่อยู่ในขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป