ผลจากคดีลอบสังหาร “สนธิ ลิ้มทองกุล” ที่กำลังรุกคืบเข้าสู่ตัวผู้บงการใหญ่ (กลุ่มอำนาจใหม่ กองกำลังผสม ตำรวจ-ทหาร-พลเรือน) โดยภารกิจสำคัญครั้งนี้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.นายตำรวจที่นับถอยหลังไปสู่วันเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.นี้ คือ ผู้รับภาระไขหาความจริงตามล่า “ทีมฆ่า และผู้สั่งการ”
ดังนั้น กลุ่มอำนาจใหม่ เกมแย่งชิงอำนาจ จึงเป็นเรื่องราวแห่งปริศนา ที่ประชาชนให้ความสนใจ และหากย้อนกลับไปสู่ภาพข่าวที่เกิดขึ้น ในบ้านเมืองนี้ ก่อนมาถึงวินาที.. ที่ทีมล่าสังหารลั่นไกปืนกระหน่ำยิงเข้าใส่ “สนธิ” แบบบ้าคลั่ง กระสุนราวกับห่าฝน...ถือว่า มีคำตอบอยู่ในภาพข่าวของแต่ละตอน แต่ละเรื่องเป็นอย่างดี ว่า กลุ่มอำนาจใหม่ ได้เริ่มก่อตัวเป็นเงาทะมึน แอบแฝงตัวเข้ามาอย่างไรบ้าง เพียงเพื่อรอวันเวลาเกิดปะทุเป็นการเมืองรูปแบบใหม่อย่างสมบูรณ์ โดยมี กลุ่มคนเสื้อแดง ที่มี “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เสพติดอำนาจ เป็นตัวเดินเรื่อง......
หากมองย้อนไปถึงการวางหมากทางเกมการเมือง ให้เกิดจิ๊กซอว์การเมืองใหม่เต็มรูปแบบ เพื่อให้มองเห็นภาพชัดเจนขึ้นกับเหตุความไม่สงบภายในบ้านเมืองที่ผ่านมา....
เริ่มกันที่ 9 เม.ย. เสื้อแดงถ่อยงัดกลวิธีบัดซบ! ขับแท็กซี่ปิดล้อมจอดขวางทางเข้า-ออกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สร้างความเดือดร้อนให้ผู้สัญจรบนท้องถนน พร้อมดาวกระจายไปปิดล้อมพรรคประชาธิปัตย์ กระทรวงการต่างประเทศ และศาลรัฐธรรมนูญ
10 เม.ย.ม็อบเสื้อแดง นำโดย “อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง” พาพวกบุกโรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท พัทยา สถานที่จัดการประชุมอาเซียนซัมมิต สร้างความเสียหายมหาศาล ซึ่งเหตุการณ์ที่พัทยา ไม่ได้เกิดจากการปะทะระหว่างกลุ่มเสื้อแดง กับกลุ่มเสื้อน้ำเงิน แต่เป็นการจงใจบุกเข้าไปในโรงแรม เพื่อก่อการจลาจล หวังไม่ให้รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เพื่อให้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง
เหตุการณ์...ชุมนุมที่พัทยา โดยครั้งนี้ ถือว่ามีกลุ่มคนเสื้อสีแดง และสีน้ำเงิน ร่วมเข้าฉากสำคัญ โดยมีเป้าหมาย คือ ตัวบุคคลสำคัญของประเทศ คือ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี แต่งานทำลายล้างตัวนายกรัฐมนตรีพลาด ผลลัพธ์ที่ได้ไป คือ ล้มการประชุมได้ ......
ถัดมา 12 เม.ย. ที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ใช้เป็นสถานที่ประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังจากนายกรัฐมนตรี ประกาศใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าวไม่กี่นาที กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนประมาณ 1,000 คน ได้เดินทางไปปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย และไม่สามารถควบคุมการชุมนุมได้ กลุ่มคนเสื้อแดงได้พากันทุบประตูกระจก และพังเข้าไปภายในตัวอาคารกระทรวง คนเสื้อแดง ได้ใช้ผ้าแดงโพกศีรษะ และปิดบังใบหน้า ถือท่อนเหล็ก ท่อนไม้ ฝ่าแนวกั้นของกำลังทหารและตำรวจเข้าไปทุกประตู เป้าหมายหลัก คือ ตามหาตัวนายกรัฐมนตรี...เป็นเหตุการณ์ที่ชัดยิ่งกว่าชัด ว่านั่นคือ กองโจรเสื้อแดงที่บุกเข้าไปในกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสำคัญของประเทศ ด้วยการทำร้ายตัวนายกรัฐมนตรี และบริวาร ครั้งนี้ เหล่าคนเถื่อน ตั้งโจทย์ไว้ว่า ต้องตาย!! ต้องตาย!! ต้องตาย!! แต่ก็พลาดอีก....
มาถึงเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง ครั้งช่วงสงกรานต์ ที่โจทย์คือ ประเทศต้องพังฉิบหาย กูอยู่ไม่ได้ ใครก็ต้องอยู่ไม่ได้เช่นกัน นายกรัฐมนตรีต้องออกไป และกลุ่มอำนาจใหม่ที่กระหายเต็มที่ เฝ้ารอวัน หวนคืนกับกลุ่มทักษิณ จะเข้ามายึดพื้นที่แห่งอำนาจ กลับคืนไป แต่นั่นก็อีกเช่นเคย เมื่อประเทศนี้ไม่ต้อนรับคนชั่วเข้ามาบริหารประเทศ จึงทำให้เกมล่มสลายครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะตั้งธงต้องปั่นป่วนให้ทวีความรุนแรงให้ถึงที่สุด ทั้งรถแก๊ส เผารถเมล์ พุ่งเป้าไปที่กิเลส อำนาจ ความต้องการกลับมาเป็นใหญ่....แต่ก็ยังได้รับเพียงความว่างเปล่า.....
จากบททุกบทที่ดำเนินมา และไม่สามารถไปสู่ผลลัพธ์ ที่เหล่าคนชั่วได้วางไว้ ...จึงมาถึง “สนธิ ลิ้มทองกุล” บุคคลสำคัญของประเทศ เป็นโลโก้บุคคลที่ภาคประชาชนให้การยอมรับ เพราะเขาคือผู้จุดเทียนแห่งธรรม นำปัญญาให้กับประชาชน จนไปสู่การก่อตั้งกลุ่มภาคประชาชน ในนาม “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” โดยผลงานขับไล่ รัฐบาล ทรราชเป็นผลสำร็จถึง 3 นายกรัฐมนตรี
โดยที่บทสรุปสุดท้ายที่เขาตั้งไว้ คือ ต้องฆ่าให้ตาย......แต่กลับไม่เป็นดั่งหวัง เมื่อ “สนธิ ฆ่าไม่ตาย” เพราะหาก “สนธิ” นักเคลื่อนไหวต่อต้านการเมืองเน่าๆ กับการบริหารงานที่ไม่ถูกต้องต้องหยุดหายใจ จุดแรกที่สังคมมอง คือ รัฐบาลต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ แต่แท้จริงแล้ว “ไอ้โม่ง” ผู้รับผิดชอบตัวจริงคือใคร.....ยังและก็ยัง...บทบาทที่ดำเนินมาสร้างจากความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง ปรากฏต่อสายตาชาวโลก ขณะนี้ยังไม่จบ??... มังกรทางการเมืองที่พร้อมจะกลายพันธุ์ดันให้ตนเป็นใหญ่ ยังจ้องรอจังหวะเขมือบ พร้อมได้ปฏิบัติการซึมแทรกกัดกร่อนเป็นตัวเหลือบดูดเลือดกลืนกินอำนาจเก่า พังผุ เพื่อตนเองและพวกพ้องจะได้เสวยสุขสมดั่งตั้งใจรอ....