เจ้าของห้างร้าน เข้าร้องตำรวจกองปราบปราม ให้ช่วงติดตามจับกุม 18 มงกุฎ หลอกซื้อสินค้าหลายรายการมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท แต่สุดท้ายเช็คเด้ง แถมสวมชื่อเหยื่อวันทูโก ที่ตกใน จ.ภูเก็ต อีก
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. น.ส.ปราณี (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าของร้าน SEED CAMERA ชั้น 2 ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า สาขางามวงศ์วาน พร้อมเจ้าของร้านขายโทรศัพท์มือถือและนาฬิกาในห้างต่างๆ อีก 5 ราย เข้าพบ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป.เพื่อให้ติดตามจับกุมคนร้ายที่เปิดบริษัทบังหน้ามาหลอกซื้อสินค้าไป ก่อนจะจ่ายเช็คเด้ง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
น.ส.ปราณี ให้การว่าเมื่อเดือน เม.ย.- มิ.ย.ที่ผ่านมา มีหญิงสาวอ้างชื่อว่า “เมย์” จากบริษัท แอ็คเซส ออดินารี จำกัด และบริษัท สมาร์ทริส อินเตอร์เนชั่นเซอร์วิส จำกัด โทรศัพท์เข้ามาหาติดต่อขอซื้อสินค้าจากร้านของตน อ้างว่า จะนำไปขายต่อ และไปแจกเป็นของกำนัลให้ลูกค้า ขอสั่งซื้อกล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ และ นาฬิกา รวมมูลค่าเกือบสองแสนบาท ครั้งแรกตกลงกันว่าจะจ่ายเป็นเงินสด ภายหลังจะขอโอนเป็นเช็คเข้าบัญชีธนาคารแทน ตอนแรกตรวจสอบพบว่า มีการฝากเช็คเข้าบัญชีจริง แต่ไม่ระบุชื่อเลขที่เช็คในสำเนาใบรับฝาก โดยเช็คนั้นยังอยู่ระหว่างรอการสั่งจ่าย จนมาทราบภายหลัง เมื่อนำสินค้าไปส่งให้แล้ว คือ ที่บ้านเลขที่ 65/38 หมู่บ้านพระปิ่น 3 ถ.กาญจนาภิเษก ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พบ นายอภิชาติ มาลี และ น.ส.ศิริลักษณ์ มิ่งขวัญ ทั้งสองจะอ้างว่าเจ้าของบริษัทไม่อยู่ ขอรับสินค้าไว้เอง แต่หลังจากนั้นเพียง 1 วัน ก็ทราบว่าเช็คเด้ง เพราะลายเซ็นไม่ตรงกับที่เจ้าของบัญชี
น.ส.ปราณี ให้การอีก พบว่า มีผู้เสียหายอีกหลายรายตกเป็นเหยื่อ จึงรวมตัวกันเพื่อไปตามทวงหนี้ ก็พบว่า คนร้ายปิดบริษัทหลบหนีไปแล้ว เมื่อไปตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนบริษัททั้งสองแห่ง ก็พบว่า ใช้ชื่อกรรมการบริษัทที่ไม่มีข้อมูลในทะเบียนราษฎร และมีการนำชื่อผู้เสียหายชีวิต 2 ราย จากเหตุเครื่องบินวันทูโกตกที่ จ.ภูเก็ต มาดัดแปลงนามสกุล ใส่ชื่อเป็นกรรมการบริษัทด้วย ส่วนเช็คที่สั่งจ่ายมี 2 ชื่อ คือ น.ส.คัทลียา มาลี และ นายสิทธิพร โชติทรง นั้น ศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี ได้ออกหมายจับไว้แล้ว ยังติดตามจับกุมตัวไม่ได้ ส่วนนายอภิชาติ และ น.ส.ศิริลักษณ์ ทราบว่า ได้ไปก่อเหตุอีก แต่ถูกตำรวจ สน.ปทุมวัน จับกุมตัวไว้ได้ขณะที่มารับสินค้า สอบสวนทั้สองคนอ้างว่ารับว่าจ้างจาก น.ส.เมย์ เป็นเงิน 500-1,500 บาท เพื่อให้มารับของ และก็ได้ประกันตัวออกไป คดียังไม่สามารถจับกุมตัวการที่อยู่เบื้องหลังได้ โดยเชื่อว่าผู้บงการ คือ น.ส.คัทลียา จึงเข้ามาขอความช่วยเหลือจากกองปราบปราม เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมอีกทางหนึ่งด้วย
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. น.ส.ปราณี (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าของร้าน SEED CAMERA ชั้น 2 ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า สาขางามวงศ์วาน พร้อมเจ้าของร้านขายโทรศัพท์มือถือและนาฬิกาในห้างต่างๆ อีก 5 ราย เข้าพบ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป.เพื่อให้ติดตามจับกุมคนร้ายที่เปิดบริษัทบังหน้ามาหลอกซื้อสินค้าไป ก่อนจะจ่ายเช็คเด้ง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
น.ส.ปราณี ให้การว่าเมื่อเดือน เม.ย.- มิ.ย.ที่ผ่านมา มีหญิงสาวอ้างชื่อว่า “เมย์” จากบริษัท แอ็คเซส ออดินารี จำกัด และบริษัท สมาร์ทริส อินเตอร์เนชั่นเซอร์วิส จำกัด โทรศัพท์เข้ามาหาติดต่อขอซื้อสินค้าจากร้านของตน อ้างว่า จะนำไปขายต่อ และไปแจกเป็นของกำนัลให้ลูกค้า ขอสั่งซื้อกล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ และ นาฬิกา รวมมูลค่าเกือบสองแสนบาท ครั้งแรกตกลงกันว่าจะจ่ายเป็นเงินสด ภายหลังจะขอโอนเป็นเช็คเข้าบัญชีธนาคารแทน ตอนแรกตรวจสอบพบว่า มีการฝากเช็คเข้าบัญชีจริง แต่ไม่ระบุชื่อเลขที่เช็คในสำเนาใบรับฝาก โดยเช็คนั้นยังอยู่ระหว่างรอการสั่งจ่าย จนมาทราบภายหลัง เมื่อนำสินค้าไปส่งให้แล้ว คือ ที่บ้านเลขที่ 65/38 หมู่บ้านพระปิ่น 3 ถ.กาญจนาภิเษก ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พบ นายอภิชาติ มาลี และ น.ส.ศิริลักษณ์ มิ่งขวัญ ทั้งสองจะอ้างว่าเจ้าของบริษัทไม่อยู่ ขอรับสินค้าไว้เอง แต่หลังจากนั้นเพียง 1 วัน ก็ทราบว่าเช็คเด้ง เพราะลายเซ็นไม่ตรงกับที่เจ้าของบัญชี
น.ส.ปราณี ให้การอีก พบว่า มีผู้เสียหายอีกหลายรายตกเป็นเหยื่อ จึงรวมตัวกันเพื่อไปตามทวงหนี้ ก็พบว่า คนร้ายปิดบริษัทหลบหนีไปแล้ว เมื่อไปตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนบริษัททั้งสองแห่ง ก็พบว่า ใช้ชื่อกรรมการบริษัทที่ไม่มีข้อมูลในทะเบียนราษฎร และมีการนำชื่อผู้เสียหายชีวิต 2 ราย จากเหตุเครื่องบินวันทูโกตกที่ จ.ภูเก็ต มาดัดแปลงนามสกุล ใส่ชื่อเป็นกรรมการบริษัทด้วย ส่วนเช็คที่สั่งจ่ายมี 2 ชื่อ คือ น.ส.คัทลียา มาลี และ นายสิทธิพร โชติทรง นั้น ศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี ได้ออกหมายจับไว้แล้ว ยังติดตามจับกุมตัวไม่ได้ ส่วนนายอภิชาติ และ น.ส.ศิริลักษณ์ ทราบว่า ได้ไปก่อเหตุอีก แต่ถูกตำรวจ สน.ปทุมวัน จับกุมตัวไว้ได้ขณะที่มารับสินค้า สอบสวนทั้สองคนอ้างว่ารับว่าจ้างจาก น.ส.เมย์ เป็นเงิน 500-1,500 บาท เพื่อให้มารับของ และก็ได้ประกันตัวออกไป คดียังไม่สามารถจับกุมตัวการที่อยู่เบื้องหลังได้ โดยเชื่อว่าผู้บงการ คือ น.ส.คัทลียา จึงเข้ามาขอความช่วยเหลือจากกองปราบปราม เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมอีกทางหนึ่งด้วย