รมว.ยุติธรรม จัดสรรความผิด “หมิ่นเบื้องสูง” ไว้ 3 ระดับ “รู้เท่าไม่ถึงการณ์โทษแค่ตักเตือน-จงใจทำผิดหรือเจตนาไม่ดี และตั้งใจทำเป็นขบวนการ” พร้อมวอนให้ทุกฝ่ายร่วมมือเผยแพร่พระเกียรติยศในหลวง ให้ชาวโลกรับรู้มากขึ้น
วันนี้ (15 ม.ค.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงการปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นเบื้องสูงว่า ได้แบ่งความผิดกรณีหมิ่นเบื้องสูงไว้ 3 ระดับ คือ ระดับแรก รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลงผิด เข้าใจผิดในข้อมูลก็จะเป็นการว่ากล่าวตักเตือน ระดับ 2 คือ จงใจทำผิดโดยมีการถูกจ้างหรือเจตนาไม่ดีอย่างจริงจัง และระดับ 3 เป็นการตั้งใจทำอย่างเป็นกระบวนการ โดยมีวัตถุประสงค์ไม่ชอบ
“เรื่องนี้ไม่เหมือนในหลายประเทศ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเป็นยิ่งกว่าสัญลักษณ์ เพราะเป็นสถาบันที่ทำให้ชาติไทยเป็นชาติไทยได้ทุกวันนี้ ฉะนั้นจึงได้จัดความผิดไว้ในหมวดความมั่นคงแห่งรัฐ ขณะที่ประเทศอื่นๆ จัดไว้ในหมวดหมิ่นประมาท เพราะสำหรับประเทศไทยเป็นการกระทำที่กระทบความมั่นคงอย่างรุนแรง” นายพีระพันธุ์ กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวด้วยว่า ช่วงที่ผ่านมาได้ปิดเว็บไซต์ไปกว่า 2,000 เว็บ แต่การจับกุมคนทำเว็บไซต์ สามารถทำได้ยาก เนื่องจากกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่ได้ระบุความผิดไว้โดยเฉพาะ และมีหลายจุดที่คลุมเครือ ซึ่งต่อไปจึงต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าอีกซักระยะหนึ่ง เว็บหมิ่นเบื้องสูงจะลดน้อยหรือไม่มีเลย
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า ขอฝากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเผยแพร่พระเกียรติยศของในหลวง ซึ่งเป็นข้อมูลจริง เพื่อให้คนไทยและชาวโลกได้รับรู้มากขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ดีเอสไอได้จับกุม นายสุวิชา ท่าค้อ อายุ 35 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 277/149 ถ.กาญจนาภิเษก แขวงและเขตคันนายาว กทม. ที่เป็นสถานที่ใช้เผยแพร่ข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูงลงในเว็บไซต์ต่างๆ โดยสามารถจับกุมได้หลังจากนายสุวิชาหลบหนีไปกบดานที่จังหวัดนครพนม และดีเอสไอได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ตาม นายพีระพันธุ์ได้ยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวในวันนี้ตามที่มีกระแสข่าวออกไป ซึ่งตนไม่ทราบว่าทำไมถึงปล่อยให้เป็นข่าวแบบนี้ ทั้งที่ได้มีการกำชับกันไว้แล้ว
วันนี้ (15 ม.ค.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงการปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นเบื้องสูงว่า ได้แบ่งความผิดกรณีหมิ่นเบื้องสูงไว้ 3 ระดับ คือ ระดับแรก รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลงผิด เข้าใจผิดในข้อมูลก็จะเป็นการว่ากล่าวตักเตือน ระดับ 2 คือ จงใจทำผิดโดยมีการถูกจ้างหรือเจตนาไม่ดีอย่างจริงจัง และระดับ 3 เป็นการตั้งใจทำอย่างเป็นกระบวนการ โดยมีวัตถุประสงค์ไม่ชอบ
“เรื่องนี้ไม่เหมือนในหลายประเทศ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเป็นยิ่งกว่าสัญลักษณ์ เพราะเป็นสถาบันที่ทำให้ชาติไทยเป็นชาติไทยได้ทุกวันนี้ ฉะนั้นจึงได้จัดความผิดไว้ในหมวดความมั่นคงแห่งรัฐ ขณะที่ประเทศอื่นๆ จัดไว้ในหมวดหมิ่นประมาท เพราะสำหรับประเทศไทยเป็นการกระทำที่กระทบความมั่นคงอย่างรุนแรง” นายพีระพันธุ์ กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวด้วยว่า ช่วงที่ผ่านมาได้ปิดเว็บไซต์ไปกว่า 2,000 เว็บ แต่การจับกุมคนทำเว็บไซต์ สามารถทำได้ยาก เนื่องจากกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่ได้ระบุความผิดไว้โดยเฉพาะ และมีหลายจุดที่คลุมเครือ ซึ่งต่อไปจึงต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าอีกซักระยะหนึ่ง เว็บหมิ่นเบื้องสูงจะลดน้อยหรือไม่มีเลย
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า ขอฝากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเผยแพร่พระเกียรติยศของในหลวง ซึ่งเป็นข้อมูลจริง เพื่อให้คนไทยและชาวโลกได้รับรู้มากขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ดีเอสไอได้จับกุม นายสุวิชา ท่าค้อ อายุ 35 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 277/149 ถ.กาญจนาภิเษก แขวงและเขตคันนายาว กทม. ที่เป็นสถานที่ใช้เผยแพร่ข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูงลงในเว็บไซต์ต่างๆ โดยสามารถจับกุมได้หลังจากนายสุวิชาหลบหนีไปกบดานที่จังหวัดนครพนม และดีเอสไอได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ตาม นายพีระพันธุ์ได้ยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวในวันนี้ตามที่มีกระแสข่าวออกไป ซึ่งตนไม่ทราบว่าทำไมถึงปล่อยให้เป็นข่าวแบบนี้ ทั้งที่ได้มีการกำชับกันไว้แล้ว