กองปราบฯ ขอหมายจับเพื่อนสาวคนสนิท “นายสมเกียรติ” หนุ่ม ธอส.ที่โกงกว่า 400 ล้านเพิ่มเติม เชื่อยังมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนรู้เห็น เตรียมบุกธนาคารหาตัวใหญ่ร่วมขบวนการ
วันนี้ ( 1 ก.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เมื่อเวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดี นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช อดีตพนักงานธุรกิจสาขาอาวุโส ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ประจำสาขาเซนต์หลุยส์ 3 ก่อเหตุยักยอกเงินของธนาคารกว่า 499 ล้านบาท ว่าขณะนี้พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้เดินทางไปที่ศาลอาญาเพื่อขออนุมัติหมายจับ น.ส.นงลักษณ์ เครือน่าน อายุ 29 ปี เพื่อนสาวคนสนิทของนายสมเกียรติ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับดังกล่าวแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานฝ่ายสืบสวน กก.1 บก.ป.ติดตามจับกุม
ส่วนความคืบหน้าในการสอบสวนรวบรวมหลักฐานนั้นมีความคืบหน้าไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้วโดยพนักงานสอบสวนได้แยกคดีดังกล่าวออกเป็น 2 สำนวน โดยสำนวนแรกเป็นการดำเนินคดีกับ นายสมเกียรติ ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และลักทรัพย์นายจ้าง ซึ่งในสำนวนนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาแล้วโดย ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องกลับมาให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไปแล้ว
ส่วนอีกสำนวนพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้แจ้งข้อหา นายสมเกียรติ และ นางพุทธชาติ วงศ์จันทะ อดีตภรรยา นายสมเกียรติ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ นางพุทธชาติยอมให้การในรายละเอียด จากนั้นพนักงานสอบสวนได้สอบสวนขยายผลจนพบว่า น.ส.นงลักษณ์ มีส่วนเกี่ยวข้องจึงรวบรวมหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับดังกล่าว
ทั้งนี้มีรายงานว่า จากการสืบสวนสอบสวนที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน บก.ป.เชื่อว่าคดีนี้น่าจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารอีกหลายคนที่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของนายสมเกียรติเนื่องจากในการเข้าสู่ส่วนข้อมูลหรือทำธุรกรรมต่างๆในระบบคอมพิวเตอร์นั้นจะต้องมีรหัสผ่านซึ่งในแต่ละชั้นข้อมูลก็จะต้องใช้รหัสส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ในแต่ละระดับชั้นที่แตกต่างกันไป ซึ่งในประเด็นนี้พนักงานสอบสวนกำลังทำเรื่องประสานทางธนาคารเพื่อขอข้อมูลการใช้ในระบบคอมพิวเตอร์มาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (บก.ศตท.) จะเดินทางไปยังธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาเซ็นหลุยส์ 3 เพื่อขอตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่นายสมเกียรติเคยใช้ในช่วงสาย วันที่ 2 ก.ค.นี้
วันนี้ ( 1 ก.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เมื่อเวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดี นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช อดีตพนักงานธุรกิจสาขาอาวุโส ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ประจำสาขาเซนต์หลุยส์ 3 ก่อเหตุยักยอกเงินของธนาคารกว่า 499 ล้านบาท ว่าขณะนี้พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้เดินทางไปที่ศาลอาญาเพื่อขออนุมัติหมายจับ น.ส.นงลักษณ์ เครือน่าน อายุ 29 ปี เพื่อนสาวคนสนิทของนายสมเกียรติ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับดังกล่าวแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานฝ่ายสืบสวน กก.1 บก.ป.ติดตามจับกุม
ส่วนความคืบหน้าในการสอบสวนรวบรวมหลักฐานนั้นมีความคืบหน้าไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้วโดยพนักงานสอบสวนได้แยกคดีดังกล่าวออกเป็น 2 สำนวน โดยสำนวนแรกเป็นการดำเนินคดีกับ นายสมเกียรติ ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และลักทรัพย์นายจ้าง ซึ่งในสำนวนนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาแล้วโดย ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องกลับมาให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไปแล้ว
ส่วนอีกสำนวนพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้แจ้งข้อหา นายสมเกียรติ และ นางพุทธชาติ วงศ์จันทะ อดีตภรรยา นายสมเกียรติ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ นางพุทธชาติยอมให้การในรายละเอียด จากนั้นพนักงานสอบสวนได้สอบสวนขยายผลจนพบว่า น.ส.นงลักษณ์ มีส่วนเกี่ยวข้องจึงรวบรวมหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับดังกล่าว
ทั้งนี้มีรายงานว่า จากการสืบสวนสอบสวนที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน บก.ป.เชื่อว่าคดีนี้น่าจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารอีกหลายคนที่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของนายสมเกียรติเนื่องจากในการเข้าสู่ส่วนข้อมูลหรือทำธุรกรรมต่างๆในระบบคอมพิวเตอร์นั้นจะต้องมีรหัสผ่านซึ่งในแต่ละชั้นข้อมูลก็จะต้องใช้รหัสส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ในแต่ละระดับชั้นที่แตกต่างกันไป ซึ่งในประเด็นนี้พนักงานสอบสวนกำลังทำเรื่องประสานทางธนาคารเพื่อขอข้อมูลการใช้ในระบบคอมพิวเตอร์มาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (บก.ศตท.) จะเดินทางไปยังธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาเซ็นหลุยส์ 3 เพื่อขอตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่นายสมเกียรติเคยใช้ในช่วงสาย วันที่ 2 ก.ค.นี้