เลขา ป.ป.ท.เผย รมว.ยุติธรรมเตรียมชี้แจงถึงอำนาจ ป.ป.ท.ในการตรวจสอบการบริหารงานของ กบข.ต่อกฤษฎีกาพรุ่งนี้ ระบุการตรวจสอบ กบข.เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตามนโยบาย รมว.ยุติธรรม
วันนี้ (30 มิ.ย.)ที่กระทรวงยุติธรรม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่กรมบัญชีกลางขอหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1 เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ท.ในการตรวจสอบการบริหารงานขาดทุนของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งกระทรวงยุติธรรมเห็นว่า การขอหารือดังกล่าว เป็นเรื่องสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของสำนักงานป.ป.ท. และภาพรวมการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงมีหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อขอเข้าชี้แจงด้วยตนเอง ในวันพรุ่งนี้ (1 ก.ค.) เวลา 14.00 น. เพื่อให้ข้อมูลก่อนที่คณะกรรมการกฤษฎีกาฯ จะมีมติใดๆ
นายธาริตกล่าวอีกว่า สำหรับคำชี้แจงของ ป.ป.ท.ที่เข้าไปตรวจสอบข้อร้องเรียนการบริหารงานของ กบข. ทาง ป.ป.ท.ได้ส่งข้อมูลคำชี้แจง จำนวน 4 หน้าไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1 แล้ว เพื่อเป็นข้อมูลให้กับคณะกรรมการกฤษฎีกาฯ ก่อนที่นายพีระพันธุ์จะเข้าชี้แจงด้วยตนเองในวันพรุ่งนี้ คำชี้แจงระบุถึงภารกิจและอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ท.ที่เป็นหน่วยงานในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม การเข้าไปตรวจสอบ กบข.ไม่ได้ใช้อำนาจตามกฎหมายมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่ต้องดำเนินการตามมติบอร์ด ป.ป.ท.ซึ่งยังไม่มี แต่เป็นการเข้าตรวจสอบตามคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ที่กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการฯ กำหนดให้สำนักงาน ป.ป.ท.มีภารกิจในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ดังนั้น การที่สำนักงาน ป.ป.ท.ตรวจสอบการดำเนินงานของกบข. เป็นเพียงการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่ใช่การไต่สวนข้อเท็จจริงที่สำนักงาน ป.ป.ท.จะต้องใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการของฝ่ายบริหารฯ
นายธาริ กล่าวด้วยว่า เหตุผลที่ ป.ป.ท.ต้องเข้าไปตรวจสอบการดำเนินงานของ กบข.เนื่องจากได้รับร้องเรียนจากข้าราชการซึ่งเป็นสมาชิก กบข.ที่เสียหาย และกระทบต่อความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาล ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ข้าราชการรวมกลุ่มกันยื่นข้อร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ป.ป.ท.ที่มีภารกิจในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ จึงไม่อาจเพิกเฉยได้ ประกอบกับการร้องเรียนกรณีนี้มีข้อเท็จจริงปรากฏขึ้นอย่างชัดแจ้ง ผู้ร้องเรียนมีตัวตนไม่ใช่เพียงบัตรสนเท่ห์ และเมื่อสำนักงาน ป.ป.ท.เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วยังพบว่ามีมูลอันน่าเชื่อได้ว่าการกระทำของ กบข.มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย กฎระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ข้าราชการส่วนใหญ่ของประเทศ และอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินของประเทศ ส่วนการที่ ป.ป.ท.มีหนังสือขอตรวจสอบการดำเนินงานของ กบข. เพราะ กบข.เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ได้สังกัดหรืออยู่ภายใต้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ป.ป.ท.จึงมีหนังสือประสานความร่วมมือตามวิธีปฏิบัติราชการปกติในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานภายนอกที่ควรต้องทำเป็นหนังสือราชการ โดยมุ่งหมายที่จะได้รับความร่วมมือจาก กบข.เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่ใช่การไต่สวนข้อเท็จจริง