ตำรวจ สน.ลาดพร้าว จับกุมโชเฟอร์แท็กซี่ค้ายาบ้า ได้พร้อมของกลาง และเมื่อตรวจสอบหมายจับทาง SMS พบคดีติดหลังเพียบ ทั้งยิงตำรวจ ลักทรัพย์ พกพาอาวุปืน อีกรายจับผู้ต้องหาพร้อมกัญชา 1 ต้น แต่มีหมายจับ SMS ก่อเหตุลักทรัพย์ที่นครสวรรค์
วันนี้ (22 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ สน.ลาดพร้าว พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.มัณฑาร อภัยวงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ลาดพร้าว พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ จันทรพัชร สว.สส.สน.ลาดพร้าว พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว ร่วมกันแถลงการจับกุม นายวิรัตน์ หรือ โอ๋ รอดฟ้า อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 275/5 ถนนเทอดไทย แขวงปากคลอง เขตภาษีเจริญ และ น.ส.ณี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี สองสามีภรรยา พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 2,000 เม็ด อาวุธปืนลูกโม่ .22 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน .22 จำนวน 26 นัด กระสุนปืน .25 จำนวน 10 นัด และซองพกสีดำจำนวน 1 ซอง
พล.ต.ต.วิมล เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สืบทราบว่า นายวิรัตน์ ซึ่งทำอาชีพขับรถแท็กซี่ เป็นเอเยนต์จำหน่ายยาบ้า และได้นำยาบ้ามาซุกซ่อนไว้ในห้องพักเลขที่ 10 ซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นที่ห้องพักดังกล่าว ก็พบผู้ต้องหาทั้งสองคนอยู่ในห้อง และจากการตรวจค้นก็พบของกลางดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ จึงยึดไว้เป็นของกลางก่อนควบคุมตัวมาสอบสวน
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลหมายจับทางระบบ SMS ก็พบว่า นายวิรัตน์ มีหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 1068/2550 ลงวันที่ 3 ก.ค.2550 ในข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำตามหน้าที่ และมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ของท้องที่ สน.บางขุนเทียน และหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน ที่ 1690/2550 ลงวันที่ 12 พ.ย.50 ในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือรับของโจรของ สน.บางยี่ขัน ติดตัวอยู่ อีกด้วย
จากการสอบสวน นายวิรัตน์ ให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพขับรถแท็กซี่ แต่เงินไม่พอใช้ จึงไปรับยาบ้ามาจากพรรคพวก ย่านพุทธมณฑลสาย 1 จากนั้นก็จะเอามาขายต่อให้วัยรุ่นย่านฝั่งธนเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนคดีที่ สน.บางขุนเทียน ที่ถูกออกหมายจับไว้นั้น ก็เนื่องจากวันเกิดเหตุเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ที่กำลังดักจับโจรอยู่บริเวณสะพานลอยห้างโลตัสบางบอน เดินเข้ามาขอตรวจค้นตัว แต่คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาจับข้อหาค้ายาบ้า เลยชักปืนยิงใส่รถตำรวจไป แต่ไม่มีตำรวจคนไหนเจ็บหรือตาย ส่วนหมายจับคดีลักทรัพย์นั้น ก็เนื่องจากเคยไปขโมยรถ จยย.มาจากผู้เสียหายในคดีดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และแจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกับนายวิรัตน์อีก 1 ข้อหา ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.วิมล กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทัสสุมิ ยอดประทุมวัน สว.สป.สน.ลาดพร้าว พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนปราบปราม (สป.) ได้จับกุม นายนราพงษ์ ศรีสว่าง อายุ 32 ปี พร้อมของกลางกัญชาสด 1 ต้น โดยจับกุมได้ที่ห้องเลขที่ 30/116 แฟลตการเคหะ แฟลตที่ 30 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ แต่หลังจากทำการตรวจสอบข้อมูลหมายจับทางระบบ SMS ก็พบว่า ผู้ต้องหามีหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2551 จึงนำตัวไปดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (22 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ สน.ลาดพร้าว พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.มัณฑาร อภัยวงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ลาดพร้าว พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ จันทรพัชร สว.สส.สน.ลาดพร้าว พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว ร่วมกันแถลงการจับกุม นายวิรัตน์ หรือ โอ๋ รอดฟ้า อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 275/5 ถนนเทอดไทย แขวงปากคลอง เขตภาษีเจริญ และ น.ส.ณี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี สองสามีภรรยา พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 2,000 เม็ด อาวุธปืนลูกโม่ .22 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน .22 จำนวน 26 นัด กระสุนปืน .25 จำนวน 10 นัด และซองพกสีดำจำนวน 1 ซอง
พล.ต.ต.วิมล เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สืบทราบว่า นายวิรัตน์ ซึ่งทำอาชีพขับรถแท็กซี่ เป็นเอเยนต์จำหน่ายยาบ้า และได้นำยาบ้ามาซุกซ่อนไว้ในห้องพักเลขที่ 10 ซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นที่ห้องพักดังกล่าว ก็พบผู้ต้องหาทั้งสองคนอยู่ในห้อง และจากการตรวจค้นก็พบของกลางดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ จึงยึดไว้เป็นของกลางก่อนควบคุมตัวมาสอบสวน
พล.ต.ต.วิมล กล่าวต่อว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลหมายจับทางระบบ SMS ก็พบว่า นายวิรัตน์ มีหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 1068/2550 ลงวันที่ 3 ก.ค.2550 ในข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำตามหน้าที่ และมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ของท้องที่ สน.บางขุนเทียน และหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน ที่ 1690/2550 ลงวันที่ 12 พ.ย.50 ในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือรับของโจรของ สน.บางยี่ขัน ติดตัวอยู่ อีกด้วย
จากการสอบสวน นายวิรัตน์ ให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพขับรถแท็กซี่ แต่เงินไม่พอใช้ จึงไปรับยาบ้ามาจากพรรคพวก ย่านพุทธมณฑลสาย 1 จากนั้นก็จะเอามาขายต่อให้วัยรุ่นย่านฝั่งธนเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนคดีที่ สน.บางขุนเทียน ที่ถูกออกหมายจับไว้นั้น ก็เนื่องจากวันเกิดเหตุเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ที่กำลังดักจับโจรอยู่บริเวณสะพานลอยห้างโลตัสบางบอน เดินเข้ามาขอตรวจค้นตัว แต่คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาจับข้อหาค้ายาบ้า เลยชักปืนยิงใส่รถตำรวจไป แต่ไม่มีตำรวจคนไหนเจ็บหรือตาย ส่วนหมายจับคดีลักทรัพย์นั้น ก็เนื่องจากเคยไปขโมยรถ จยย.มาจากผู้เสียหายในคดีดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และแจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกับนายวิรัตน์อีก 1 ข้อหา ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.วิมล กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทัสสุมิ ยอดประทุมวัน สว.สป.สน.ลาดพร้าว พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนปราบปราม (สป.) ได้จับกุม นายนราพงษ์ ศรีสว่าง อายุ 32 ปี พร้อมของกลางกัญชาสด 1 ต้น โดยจับกุมได้ที่ห้องเลขที่ 30/116 แฟลตการเคหะ แฟลตที่ 30 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ แต่หลังจากทำการตรวจสอบข้อมูลหมายจับทางระบบ SMS ก็พบว่า ผู้ต้องหามีหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2551 จึงนำตัวไปดำเนินคดีต่อไป