รวบโจ๋พิจิตรเอเยนต์ค้ากัญชา พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง 42 กิโลกรัม เจ้าตัวปฏิเสธไม่ใช้เจ้าของกัญชา เป็นแค่เพียงคนรับจ้างเฝ้าให้เท่านั้น ขณะที่ บก.น.7 เผย ตัวเลขผลระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ช่วง 1 เดือน ได้ผู้ต้องหา 154 คน แบ่งเป็นชิงทรัพย์-ฉ้อโกง-ทำร้ายร่างกาย และเอสเอ็มเอส นำจับผู้ค้ายาได้ 1 ราย
วันนี้ (5 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ บก.น.7 พล.ต.ต.ไพศาล เชื้อรอด ผบก.น.7 พ.ต.อ.สุธีร์ เณรกัณฐี พ.ต.อ.วัชรา งามขำ พ.ต.อ.กฤติภาส เพ็ญกิตติ รอง ผบก.น.7 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.น.7 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายวัลลภ แก้วคำยา อายุ 19 ปี บ้านเดิมอยู่ตำบลวชิระ อำเภอวชิระ จังหวัดพิจิตร พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่งจำนวน 42 กิโลกรัม โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ ภายในหมู่บ้านดิเอมเมอรัลด์พาร์ค 2 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
พล.ต.ต.ไพศาล เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา นำโดย พ.ต.ต.ภูวเดช เนียมศรี สว.สส.สน.ธรรมศาลา สามารถจับกุมผู้ต้องหาครอบครองกัญชาได้จำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่า ผู้ต้องหาจะไปรับกัญชามาจากเอเยนต์ที่บ้านหลังดังกล่าว จึงนำกำลังดักซุ่มเพื่อจับกุม จนกระทั่งเวลา 16.00 น.วานนี้ (4 มิ.ย.) ก็พบ นายวัลลภ เดินเข้ามาไขกุญแจเปิดประตูบ้านเข้าไป เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นภายในบ้านก็พบกัญชาจำนวนดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ จึงยึดไว้เป็นของกลางก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.ธรรมศาลา
จากการสอบสวน นายภูวเดช ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นเพียงแค่คนเฝ้ากัญชาเพียงเท่านั้นไม่ใช่เจ้าของ โดยก่อนหน้านี้มีคนรู้จักจ้างให้ตนมาเฝ้ากัญชาจำนวน 80 กิโลกรัม ที่บ้านหลังดังกล่าว โดยจะได้ค่าจ้างวันละ 400-500 บาท ซึ่งตนเพิ่งมาเฝ้าได้เพียงแค่ 4-5 วันเท่านั้น แล้วก็มีคนมาขนกัญชาออกไปแล้ว 38 กิโลกรัม เหลืออยู่แค่ 42 กิโลกรัม จนกระทั่งเมื่อวานนี้ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาจับดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชา) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
พล.ต.ต.ไพศาล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.ถึงวันนี้ (5 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.น.7 ได้ระดมกวาดล้างปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ ยาเสพติด และอบายมุข ในพื้นที่ ผลปรากฏว่า สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ ได้ทั้งหมด 127 ราย ได้ผู้ต้องหา 154 คน แบ่งเป็นคดีชิงทรัพย์ 4 ราย คดีชิงทรัพย์ 3 ราย คดีทำร้ายร่างกาย 6 ราย คดีฉ้อโกง 3 ราย คดียักยอก 3 ราย คดีบุกรุก 2 ราย คดีอาวุธปืน 2 ราย คดีการพนันต่างๆ 21 ราย ได้ผู้ต้องหา 44 คน ยึดตู้ม้าได้ 2 ตู้จากท้องที่ สน.บางกอกใหญ่ กับ สน.บางยี่ขัน
ส่วนคดีจำหน่ายยาเสพติดจับกุมได้ 8 ราย ครอบครอง 19 ราย และเสพอีก 61 ราย นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาจากการตรวจสอบหมายเลขบัตรประชาชน กับระบบ SMS ได้อีก 1 คน ในคดีครอบครองยาเสพติด
วันนี้ (5 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ บก.น.7 พล.ต.ต.ไพศาล เชื้อรอด ผบก.น.7 พ.ต.อ.สุธีร์ เณรกัณฐี พ.ต.อ.วัชรา งามขำ พ.ต.อ.กฤติภาส เพ็ญกิตติ รอง ผบก.น.7 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.น.7 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายวัลลภ แก้วคำยา อายุ 19 ปี บ้านเดิมอยู่ตำบลวชิระ อำเภอวชิระ จังหวัดพิจิตร พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่งจำนวน 42 กิโลกรัม โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ ภายในหมู่บ้านดิเอมเมอรัลด์พาร์ค 2 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
พล.ต.ต.ไพศาล เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา นำโดย พ.ต.ต.ภูวเดช เนียมศรี สว.สส.สน.ธรรมศาลา สามารถจับกุมผู้ต้องหาครอบครองกัญชาได้จำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่า ผู้ต้องหาจะไปรับกัญชามาจากเอเยนต์ที่บ้านหลังดังกล่าว จึงนำกำลังดักซุ่มเพื่อจับกุม จนกระทั่งเวลา 16.00 น.วานนี้ (4 มิ.ย.) ก็พบ นายวัลลภ เดินเข้ามาไขกุญแจเปิดประตูบ้านเข้าไป เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นภายในบ้านก็พบกัญชาจำนวนดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ จึงยึดไว้เป็นของกลางก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.ธรรมศาลา
จากการสอบสวน นายภูวเดช ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นเพียงแค่คนเฝ้ากัญชาเพียงเท่านั้นไม่ใช่เจ้าของ โดยก่อนหน้านี้มีคนรู้จักจ้างให้ตนมาเฝ้ากัญชาจำนวน 80 กิโลกรัม ที่บ้านหลังดังกล่าว โดยจะได้ค่าจ้างวันละ 400-500 บาท ซึ่งตนเพิ่งมาเฝ้าได้เพียงแค่ 4-5 วันเท่านั้น แล้วก็มีคนมาขนกัญชาออกไปแล้ว 38 กิโลกรัม เหลืออยู่แค่ 42 กิโลกรัม จนกระทั่งเมื่อวานนี้ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาจับดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชา) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
พล.ต.ต.ไพศาล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.ถึงวันนี้ (5 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.น.7 ได้ระดมกวาดล้างปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ ยาเสพติด และอบายมุข ในพื้นที่ ผลปรากฏว่า สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ ได้ทั้งหมด 127 ราย ได้ผู้ต้องหา 154 คน แบ่งเป็นคดีชิงทรัพย์ 4 ราย คดีชิงทรัพย์ 3 ราย คดีทำร้ายร่างกาย 6 ราย คดีฉ้อโกง 3 ราย คดียักยอก 3 ราย คดีบุกรุก 2 ราย คดีอาวุธปืน 2 ราย คดีการพนันต่างๆ 21 ราย ได้ผู้ต้องหา 44 คน ยึดตู้ม้าได้ 2 ตู้จากท้องที่ สน.บางกอกใหญ่ กับ สน.บางยี่ขัน
ส่วนคดีจำหน่ายยาเสพติดจับกุมได้ 8 ราย ครอบครอง 19 ราย และเสพอีก 61 ราย นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาจากการตรวจสอบหมายเลขบัตรประชาชน กับระบบ SMS ได้อีก 1 คน ในคดีครอบครองยาเสพติด