อธิบดีราชทัณฑ์ทุบทำลายโทรศัพท์มือถือกว่า 200 เครื่อง ที่นักโทษลักลอบนำเข้าเรือนจำ ส่งซิมการ์ด 300 ชิ้น ให้ ป.ป.ส.ถอดข้อมูลขยายผลตามจับเครือข่ายค้ายา เสริมมาตรการตรวจค้นเข้มงวด ป้องกันยัดยาในลูกตะกร้อ-ฟุตบอล โยนข้ามกำแพงเรือนจำให้นักโทษ
วันที่ (17 มิ.ย.) ที่เรือนจำกลางคลองเปรม นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงข่าวมาตรการปราบปรามยาเสพติดในเรือนจำขั้นที่ 3 พร้อมทั้งนำโทรศัพท์มือถือกว่า 200 เครื่อง ซิมการ์ด 300 ชิ้น และสิ่งของต้องห้ามตามระเบียบเรือนจำ มาทุบทำลายที่ด้านหน้าเรือนจำ โดยนายนัทธีได้นำขวดน้ำอัดลม หนังสือ ถุงกระดาษ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่นักโทษนำมาดัดแปลงเป็นที่ซุกซ่อนโทรศัพท์มือถือมาแสดง พร้อมทั้งนำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมห้องเยี่ยมญาติที่ปรับปรุงใหม่ โดยเสริมมาตรการตรวจค้นอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการโยนยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือข้ามรั้วกำแพงเข้ามาในเรือนจำ เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถยึดยาเสพติดได้จากลูกตะกร้อและลูกฟุตบอลที่บุคคลภายนอกโยนข้ามกำแพงเรือนจำเข้ามาให้นักโทษ
นายนัทธีกล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ต้องขังถูกส่งเข้าเรือนจำทั่วประเทศเฉลี่ยเดือนละ 5,000 คน เป็นนักโทษคดียาเสพติด 3,000 คน และมีผู้พ้นโทษเดือนละ 2,000 คน ทำให้เรือนจำมีภาระต้องรับนักโทษเพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 2,000-3,000 คน ผู้ต้องขังที่เป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่มีไม่ต่ำกว่า 20,000 คน จึงเกิดปัญหาในการควบคุม โดยผู้ต้องขังจะใช้กลวิธีต่างๆ ซุกซ่อนยาเสพติด และโทรศัพท์มือถือเข้ามาในเรือนจำ
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปรับระบบการควบคุม โดยกรมราชทัณฑ์จะร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อจำแนกและคัดกรองผู้ต้องขังที่เป็นนักค้ารายใหญ่ ซึ่งมาตรการแยกนักโทษคดีปล้น ฆ่า ออกจากนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ จะเป็นการบีบให้นักค้ายาเสพติดที่ยังมีพฤติการณ์ลักลอบค้ายาเสพติดจากในเรือนจำต้องทำงานเองไม่มีสมุนคอยเป็นลูกมือในการซ่อนยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือ เชื่อว่าการขยายผลจับกุมจะสามารถยึดอายัดทรัพย์ของนักค้ารายสำคัญได้
นายนัทธีกล่าวอีกว่า สำหรับโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ดที่ยึดได้จากทุกเรือนจำจะส่งให้ ป.ป.ส.นำไปถอดข้อมูล เพื่อตรวจสอบหาเครือข่ายยาเสพติด รวมทั้งจะมีการตรวจปัสสาวะผู้ต้องขังเพื่อหาสารเสพติด นอกจากนี้ ในเรือนจำก็มีการปรับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ผู้คุมที่อยู่ประจำในเรือนจำจนมีความคุ้นเคยกับนักโทษ รวมทั้งมีการลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปให้นักโทษในเรือนจำแล้วหลายราย
ทางด้าน นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ภายในเดือน ก.ค.ผู้คุมที่ปฏิบัติงานในเรือนจำจะเปลี่ยนเครื่องแบบใหม่ทั้งหมด โดยชุดปฏิบัติการจะไม่มีตราสัญลักษณ์ที่เป็นโลหะ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจค้นและเอ็กซเรย์บุคคลที่เข้าออกภายในเรือนจำอย่างละเอียด นอกจากนี้จะเร่งติดตั้งกล้องวงจรปิดและอุปกรณ์ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือในแดนความมั่นคงสูง ที่จะใช้เป็นสถานที่คุมขังนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ