จับคนขับรถลอบขนยาบ้า-มือถือ เข้าเรือนจำมีนบุรี!

เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี จับคาหนังคาเขา พนักงานขับรถบริษัทที่นำส่งยางอะไหล่รถจักรยานยนต์ไปให้ผู้ต้องขังฝึกอาชีพ แอบลอบนำยาบ้า โทรศัพท์มือถือ และน้ำหมึกใช้สำหรับสัก เข้าไปให้ผู้ต้องขังอย่างแยบยล เผย ทำมา 10 กว่าครั้ง จนทำให้ผู้ต้องขังใช้โทรศัพท์มือถือ โทร.ออกมาสั่งยาบ้าจากภายนอกเข้าไปในเรือนจำได้

วันนี้ (10 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายคงกริช พันคงธวัช ผบ.เรือนจำพิเศษมีนบุรี นายรุ่งโรจน์ โพธิ์ทอง ผอ.ส่วนควบคุมและทัณฑปฏิบัติ นายจักรกฤษณ์ ชวนะเวช ผอ.ส่วนบริหารทั่วไป ร่วมกันแถลงการจับกุม นายพิทักษ์พงษ์ สุวิบุญ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 957/62 ซอยวัดด่านสำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลาง ยาบ้า 500 เม็ด โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 5 เครื่อง พร้อมที่ชาร์จ และสมอลทอล์ก 5 ตัว ซิมการ์ด 3 อัน ไฟแช็ก 5 อัน หมึกปากกาล็อตติ้ง 10 หลอด เทปพันสายไฟ พันกันเป็นก้อนกลม 1 ก้อน กล่องขนาดเล็ก พันด้วยสายไฟสีดำ 5 กล่อง เทปพันสายไฟใช้แล้วสีดำ 3 ม้วน และยางอะไหล่รถจักรยานยนต์สำหรับให้ผู้ต้องขังฝึกอาชีพจำนวนหนึ่ง

นายกอบเกียรติ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ มีการลักลอบขนยาบ้า โทรศัพท์มือถือ หมึกสัก เข้าไปในเรือนจำพิเศษมีนบุรีหลายครั้ง จึงสั่งให้ทำการสืบสวน จนกระทั่งพบว่า นายพิทักษ์พงษ์ ซึ่งเป็นพนักงานขับรถยนต์ขนส่งยางอะไหล่รถจักรยานยนต์ที่จะนำมาให้ผู้ต้องขังฝึกวิชาชีพ เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และในวันนี้ เวลา 11.00 น.ขณะที่ นายพิทักษ์พงษ์ ขับรถกระบะ โตโยต้า ไทเกอร์ สีน้ำเงิน ทะเบียน บธ 091 กทม.ขนยางอะไหล่ดังกล่าว ไปให้ผู้ต้องขังแดน 2 ในเรือนจำพิเศษมีนบุรี ทำการฝึกวิชาชีพ จึงได้ทำการตรวจค้นรถคันดังกล่าวอย่างละเอียด ก็พบกล่องขนาดเล็ก ถูกพันด้วยเทปพันสายไฟสีดำ จำนวน 5 กล่อง เทปพันสายไฟ พันเป็นก้อนสีดำ 1 ก้อน มีดคัตเตอร์ และเทปพันสายไฟที่ใช้งานแล้ว 3 ม้วน ซุกซ่อนอยู่ในยางอะไหล่ดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าน่าจะมียาเสพติดอยู่ภายใน จึงประสานไปยังพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี มาทำการตรวจสอบและแกะกล่องดังกล่าวออก ก็พบของกลางทั้งหมด ทั้งยาบ้า โทรศัพท์มือถือ และหมึกซุกซ่อนอยู่ในกล่องทั้ง 5 กล่อง รวมทั้งก้อนเทปพันสายไฟ จากนั้นจึงนำตัวนายพิทักาพงษ์มาสอบสวน

จากการสอบปากคำ นายพิทักษ์พงษ์ ให้การรับสารภาพว่า เป็นพนักงานขับรถของบริษัท เอ็มเอสซี พีอาร์ 2 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอะไหล่รถจักรยานยนต์ โดยมีหน้าที่ขับรถมาส่งของที่เรือนจำดังกล่าว และทำมาประมาณ 7 ปีแล้ว จนกระทั่งช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ขณะที่นำเอายางรถจักรยานยนต์ไปส่งในเรือนจำ มีผู้ต้องขังเข้ามาขอเบอร์โทรศัพท์ โดยบอกว่า จะให้ญาติติดต่อไปเพื่อฝากของมาให้ จากนั้นญาติของผู้ต้องขังคนดังกล่าว ได้เริ่มฝากของมากับยางรถจักรยานยนต์ โดยจะพันเทปสายไฟมาให้เสร็จสรรพ และจะนำมาส่งให้ที่บ้านในซอยวัดด่านสำโรง ในช่วงเวลากลางคืน

“ผมได้ลักลอบนำของมาส่งให้กับผู้ต้องขังมาประมาณ 10 กว่าครั้ง 2-3 ครั้งแรก จะเริ่มที่หมึกสัก ครั้งหลังๆ เพิ่มเป็นโทรศัพท์มือถือ จนกระทั่งถึงยาบ้า ซึ่งทุกครั้ง จะได้ค่าจ้างครั้งละ 5 พันบาท” นายพิทักษ์พงษ์ รับสารภาพ

ขณะ นายกอบเกียรติ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา เรือนจำมีมาตรการตรวจค้นทั้งรถทั้งคนเป็นประจำ โดยตรวจค้นทั่วไป ก็จะทำทุกวัน นอกจากนี้ ยังมีการจู่โจมตรวจค้น และสุ่มตรวจปัสสาวะผู้ต้องขังด้วย โดยหากพบว่า ผู้ต้องขังรายใดมีปัสสาวะสีม่วง ก็จะต้องสืบหาต่อว่า ยาเสพติดเข้าไปภายในเรือนจำได้อย่างไร นอกจากนี้ ยังมีมาตรการในการบำบัดรักษาผู้ต้องขังที่ติดยาเสพติดด้วย

“จากการสอบปากคำผู้ต้องหาในวันนี้ รับสารภาพว่า ได้แอบลักลอบส่งโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำพิเศษมีนบุรีทั้งหมด 11 เครื่องแล้ว ขณะนี้ทาง ผบ.เรือนจำ ยึดตามเอาคืนมาได้ 2 เครื่อง เหลืออีก 9 เครื่อง ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจหาต่อไป และจากการตรวจสอบผู้ต้องหารายนี้ ยอมรับสารภาพเพียงแค่ว่า มีผู้ต้องขังเท่านั้น ที่เป็นผู้ติดต่อ ยังไม่พบว่า มีเจ้าหน้าที่ของเรือนจำเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด” นายกอบเกียรติ กล่าว

หลังสอบปากคำเสร็จ เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี ควบคุมตัว นายพิทักษ์พงษ์ ส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีต่อไป