ชาวลำพูน ร้อง ยธ.กลัวติดคุกคดีทุจริตซื้อลำไย

ชาวบ้าน จ.ลำพูน ร้อง รมว.ยุติธรรม หลังเกษตรกร กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จ.ลำพูน กว่า 4,000 ราย กลายเป็นผู้ต้องหา โดยศาลฎีกามีคำพิพากษา สั่งจำคุกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คดีทุจริตรับซื้อลำใย ด้าน “สุชาติ” เผย ชาวบ้านวิตกกังวลอาจถูกศาลสั่งจำคุก เพราะตกเป็นผู้ต้องหาในลักษณะเดียวกัน จึงมาขอความเป็นธรรม จะรวบรวมข้อมูลเสนอ รมว.ยุติธรรม ต่อไป


วันนี้ (16 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวบ้านจากจังหวัดลำพูนจำนวนหนึ่ง เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยอ้างว่า ถูกเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีเกี่ยวข้องกับการทุจริตการรับซื้อลำใยเมื่อปี 2547 อย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งเรื่องดังกล่าวนายพีระพันธุ์ ได้สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษไปตรวจสอบข้อเท็จจริง

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ดีเอสไอได้เข้าไปตรวจสอบเรื่องความไม่เป็นธรรม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นการทุจริต เนื่องจากคดีการทุจริตลำใยบางส่วน เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปสำนวนส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และพนักงานอัยการสั่งฟ้องบ้างแล้ว อีกทั้งบางรายศาลฎีกายังมีคำพิพากษาไปแล้ว ดังนั้น ดีเอสไอจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ส่วนประเด็นที่ชาวบ้านอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง

ด้าน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยพบว่า มีผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน จำนวน 4,000- 5,000 คน กลายเป็นผู้ต้องหา และเมื่อวันที่ 20 เม.ย.2552 มีคำพิพากษาศาลฎีกา ให้จำคุกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญาและให้นับโทษต่อจากคดีอื่นๆอีก 7 คดี รวมแล้วต้องถูกจำคุก 1 ปี 2 เดือน โดยสาเหตุที่ศาลไม่รอลงอาญา เนื่องจากเห็นว่าจำเลย เป็นเจ้าหน้าที่รัฐต้องรู้ขั้นตอนของรัฐ

“เมื่อมีคำพิพากษาศาลฏีกาออกมาแล้วชาวบ้านที่ต้องเป็นผู้ต้องหาในคดีลักษณะเดียวกัน จึงเกิดความวิตกกังวลว่าอาจจะถูกศาลสั่งจำคุกเช่นเดียวกัน อีกทั้งบทลงโทษยังให้นับต่อเนื่อง เพราะบางคนมีคดีถึง 60 คดี ถ้านับต่อเนื่อง บางคนต้องจำคุกเกือบ 10 ปี จึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม หากชาวบ้านต้องรับโทษพร้อมกันจริง บางหมู่บ้าน กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จะหายไปเกือบทั้งตำบล และขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อทำรายงานเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม” พ.ต.อ.สุชาติ กล่าว