“อำนวย” ฮึ่ม 3 หางแดงอย่าเหลิงหลังครบกำหนดฝากขัง 48 วันแล้ว อัยการยังสั่งไม่ฟ้อง ชี้อัยการให้โอกาสให้ผู้ต้องหายื่นหลักฐานเพิ่ม ระบุกระบวนการยุติธรรมมีมาตรฐานเดียว ไม่ได้ 2 มาตรฐานตามกล่าวหา พร้อมเตือนหากทำผิดอีกก็จะถูกดำเนินคดี ส่วนการชุมนุมใหญ่เสื้อแดง ตร.เตรียมรับมือแล้ว
วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ยุยงส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาอันไม่ใช่ความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มาตรา 116 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กรณีการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.เป็นต้นมาจนรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เข้ารายงานตัวต่อศาลหลังพ้นกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายในวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา และ ศาลอนุญาตให้คืนหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นสมุดเงินฝากธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์สัมพันธ์ คนละ 5 แสนบาท และปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมดว่า ทั้ง 3 คนอยู่ในอำนาจศาล ตำรวจมีอำนาจฝากขังได้ 48 วัน ในช่วงนั้นพนักงานอัยการต้องดำเนินการส่งฟ้องให้ทัน พนักงานสอบสวนทำคดีเสร็จตามกำหนด และส่งอัยการตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนครบกำหนด 48 วันเกือบ 20 วัน
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า เมื่อวาน (11 มิ.ย.) ที่ผ่านมาครบกำหนดฝากขัง 48 วัน แต่ทางอัยการยังไม่มีการยื่นฟ้องต่อศาล แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่สั่งฟ้อง แต่จากการตรวจสอบน่าเป็นเพราะผู้ต้องหามีการร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการ อัยการจึงมีการพิจารณาในการร้องขอความเป็นธรรม แต่ยังไม่ได้สั่งให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมแต่อย่างใด หมายความว่าที่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องเพราะเป็นการให้โอกาสผู้ต้องหาที่ร้องขอความเป็นธรรมที่จะนำหลักฐานมายื่นในชั้นพนักงานอัยการหรือสอบเพิ่มเติม ไม่ได้หมายความว่าสั่งไม่ฟ้อง
“นี่เป็นตัวอย่างที่ดีมากและจะเห็นได้ว่ากระบวนการยุติธรรมให้โอกาสผู้ที่ถูกกล่าวหา แสดงหลักฐานมาพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธิ์ ก็เป็นกระบวนการยุติธรรมที่มาตรฐานเดียว ไม่ได้ 2 มาตรฐาน ไม่ว่าคดีเหลือง หรือคดีแดง และที่ศาลสั่งปล่อยเมื่อวานที่ผ่านมา ไม่ได้มีปัญหาแก่รูปคดีแต่อย่างใด ซึ่งหมายถึงเพียงอัยการต้องดำเนินการตรวจสอบตามหลักฐานที่ขอความเป็นธรรม” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า ส่วนที่ 2 ที่ศาลได้ยกเลิกเงื่อนไขต่างๆ เนื่องจากหมดระยะเวลาควบคุมตัว 48 วันแล้ว และหมดสัญญาประกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าหากทำผิดอีกจะจับกุมอีกไม่ได้ ไม่ใช่เช่นนั้น หากในโอกาสหน้ามีการทำผิดอีกก็จะมีการดำเนินการสอบสวนจับกุมอีก หากมีการชุมนุมอีกก็จะมีการบันทึกภาพ บันทึกเสียง เพื่อดำเนินการประกอบหลักฐานดำเนินการต่อไป ส่วนคนอื่นที่นอกเหนือจาก 3 คนนี้ ยังคงติดสัญญาประกัน และติดเงื่อนไขในการประกันตัวอยู่ เพราะฉะนั้น การปล่อยตัวทั้ง 3 คนนั้นไม่ก่อให้เกิดความเสียหายทางคดี ไม่ใช่ความบกพร่องของพนักงานสอบสวน ไม่ใช่ความบกพร่องของอัยการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายวีระยืนยันจะขึ้นเวทีปราศรัยในวันที่ 27 มิ.ย.นี้สามารถทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ถึงแม้จะอยู่ในเงื่อนไขก็สามารถทำได้ เพราะเงื่อนไขไม่ได้ห้ามไม่ให้ขึ้นเวที ตามเงื่อนไขมีเพียงห้ามผู้ต้องหาออกนอกราชอาณาจักร ห้ามผู้ต้องหากระทำการปลุกระดม หรือกระทำการใดๆ อันก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และห้ามมิให้กระทำการใดๆ ที่มีผลกระทบต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเท่านั้นเอง เงื่อนไขไม่ได้ละเมิดสิทธิของผู้ต้องหาสามารถขึ้นเวทีปราศรัยได้แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญเท่านั้นเอง
ส่วนมาตราการในการดูแลนั้นมีการจัดเตรียมแผนรับมือพร้อมแล้ว แต่อยู่ระหว่างการประเมินด้านการข่าวว่าจำนวนผู้ชุมนุมมีมากน้อยเพียงใด มีการจัดกิจกรรมใดบ้าง ซึ่งหากทราบรายละเอียดส่วนนั้นก็จะสามารถดำเนินการประเมินการรักษาความเรียบร้อยได้ ส่วนการชุมนุมของเสื้อแดงที่ผ่านมานั้น การถอดเทปบันทึกยังทำอยู่ หากพบว่าบางคนที่มีความผิดแล้วยังไม่ได้ดำเนินการ เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการให้ครบถ้วน และหากพบว่ามีความผิดก็จะยื่นเสนอต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับ หากมีการดำเนินการก่อนการชุมนุมนั้นก็ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง และขอยืนยันว่าจะทำให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 27 มิ.ย.นี้แน่นอน
“ส่วนกรณีที่นายวีระกล่าวว่าคดีของฝ่ายเสื้อเหลืองไม่มีความคืบหน้านั้น มีการสรุปคดีเรียบร้อยแล้วมีการส่งอัยการแล้วคือคดีที่มีการเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล และมีการร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการเช่นกัน เป็นมาตรฐานเดียว ฝ่ายไหนร้องก็ดำเนินการให้” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว
วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ยุยงส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาอันไม่ใช่ความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มาตรา 116 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กรณีการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.เป็นต้นมาจนรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เข้ารายงานตัวต่อศาลหลังพ้นกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายในวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา และ ศาลอนุญาตให้คืนหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นสมุดเงินฝากธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์สัมพันธ์ คนละ 5 แสนบาท และปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมดว่า ทั้ง 3 คนอยู่ในอำนาจศาล ตำรวจมีอำนาจฝากขังได้ 48 วัน ในช่วงนั้นพนักงานอัยการต้องดำเนินการส่งฟ้องให้ทัน พนักงานสอบสวนทำคดีเสร็จตามกำหนด และส่งอัยการตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนครบกำหนด 48 วันเกือบ 20 วัน
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า เมื่อวาน (11 มิ.ย.) ที่ผ่านมาครบกำหนดฝากขัง 48 วัน แต่ทางอัยการยังไม่มีการยื่นฟ้องต่อศาล แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่สั่งฟ้อง แต่จากการตรวจสอบน่าเป็นเพราะผู้ต้องหามีการร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการ อัยการจึงมีการพิจารณาในการร้องขอความเป็นธรรม แต่ยังไม่ได้สั่งให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมแต่อย่างใด หมายความว่าที่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องเพราะเป็นการให้โอกาสผู้ต้องหาที่ร้องขอความเป็นธรรมที่จะนำหลักฐานมายื่นในชั้นพนักงานอัยการหรือสอบเพิ่มเติม ไม่ได้หมายความว่าสั่งไม่ฟ้อง
“นี่เป็นตัวอย่างที่ดีมากและจะเห็นได้ว่ากระบวนการยุติธรรมให้โอกาสผู้ที่ถูกกล่าวหา แสดงหลักฐานมาพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธิ์ ก็เป็นกระบวนการยุติธรรมที่มาตรฐานเดียว ไม่ได้ 2 มาตรฐาน ไม่ว่าคดีเหลือง หรือคดีแดง และที่ศาลสั่งปล่อยเมื่อวานที่ผ่านมา ไม่ได้มีปัญหาแก่รูปคดีแต่อย่างใด ซึ่งหมายถึงเพียงอัยการต้องดำเนินการตรวจสอบตามหลักฐานที่ขอความเป็นธรรม” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า ส่วนที่ 2 ที่ศาลได้ยกเลิกเงื่อนไขต่างๆ เนื่องจากหมดระยะเวลาควบคุมตัว 48 วันแล้ว และหมดสัญญาประกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าหากทำผิดอีกจะจับกุมอีกไม่ได้ ไม่ใช่เช่นนั้น หากในโอกาสหน้ามีการทำผิดอีกก็จะมีการดำเนินการสอบสวนจับกุมอีก หากมีการชุมนุมอีกก็จะมีการบันทึกภาพ บันทึกเสียง เพื่อดำเนินการประกอบหลักฐานดำเนินการต่อไป ส่วนคนอื่นที่นอกเหนือจาก 3 คนนี้ ยังคงติดสัญญาประกัน และติดเงื่อนไขในการประกันตัวอยู่ เพราะฉะนั้น การปล่อยตัวทั้ง 3 คนนั้นไม่ก่อให้เกิดความเสียหายทางคดี ไม่ใช่ความบกพร่องของพนักงานสอบสวน ไม่ใช่ความบกพร่องของอัยการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายวีระยืนยันจะขึ้นเวทีปราศรัยในวันที่ 27 มิ.ย.นี้สามารถทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ถึงแม้จะอยู่ในเงื่อนไขก็สามารถทำได้ เพราะเงื่อนไขไม่ได้ห้ามไม่ให้ขึ้นเวที ตามเงื่อนไขมีเพียงห้ามผู้ต้องหาออกนอกราชอาณาจักร ห้ามผู้ต้องหากระทำการปลุกระดม หรือกระทำการใดๆ อันก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และห้ามมิให้กระทำการใดๆ ที่มีผลกระทบต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเท่านั้นเอง เงื่อนไขไม่ได้ละเมิดสิทธิของผู้ต้องหาสามารถขึ้นเวทีปราศรัยได้แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญเท่านั้นเอง
ส่วนมาตราการในการดูแลนั้นมีการจัดเตรียมแผนรับมือพร้อมแล้ว แต่อยู่ระหว่างการประเมินด้านการข่าวว่าจำนวนผู้ชุมนุมมีมากน้อยเพียงใด มีการจัดกิจกรรมใดบ้าง ซึ่งหากทราบรายละเอียดส่วนนั้นก็จะสามารถดำเนินการประเมินการรักษาความเรียบร้อยได้ ส่วนการชุมนุมของเสื้อแดงที่ผ่านมานั้น การถอดเทปบันทึกยังทำอยู่ หากพบว่าบางคนที่มีความผิดแล้วยังไม่ได้ดำเนินการ เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการให้ครบถ้วน และหากพบว่ามีความผิดก็จะยื่นเสนอต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับ หากมีการดำเนินการก่อนการชุมนุมนั้นก็ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง และขอยืนยันว่าจะทำให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 27 มิ.ย.นี้แน่นอน
“ส่วนกรณีที่นายวีระกล่าวว่าคดีของฝ่ายเสื้อเหลืองไม่มีความคืบหน้านั้น มีการสรุปคดีเรียบร้อยแล้วมีการส่งอัยการแล้วคือคดีที่มีการเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล และมีการร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการเช่นกัน เป็นมาตรฐานเดียว ฝ่ายไหนร้องก็ดำเนินการให้” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว
