xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อร้อง ด.ต.โจร เมาไถ 2,000 ไม่ให้ ไล่ยิงหัวกลายเป็นคนพิการ!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

หนุ่มใหญ่เมืองกาจญ์ ร้องสื่อ ถูก ด.ต.สภ.ท่ามะกา เมากร่างไถ่เงินค่าผ่านทาง 2,000 บาท ไม่มีให้กลับถูกไล่ยิง ลูกจ้างที่นั่งมาด้วยโชคร้ายถูกยิงเข้าที่หัวพิการ บิดเบือนบอกว่าถูกหินเขวี้ยงใส่ ผู้ใหญ่เจรจาเสนอ 2 แสนยอมความ ผู้เสียหายไม่รับต้องการขอความเป็นธรรม กลับโดนข่มขู่สารพัด ทั้งเอาชายฉกรรจ์กว่า 20 บุกบ้าน ทนไม่ไหวเข้าร้องสื่อ ด้านนายกสมาคมฯ เตรียมพาเข้าพบ ผบ.ตร.ช่วยเหลือดูแลคดี

วันนี้ (11 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นายสมทัด ลิมปกาญจนทวี อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 282 หมู่ 7 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ประกอบอาชีพรับจัดตกแต่งสวน พร้อมนางนก พิมพ์บัง อายุ 32 ปี ภรรยา ด.ญ.อรทัย ลิมปกาญจนทวี อายุ 8 ขวบ และนายสุดใจ บุตรสาร อายุ 36 ปี ลูกจ้าง เดินทางเข้าร้องเรียนนายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่ามะกา ใช้อาวุธปืนไล่ยิงอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง จนทำให้นายสิทธิไวยกิจ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บต้องกลายเป็นคนพิการ อีกทั้งยังพยายามจ่ายเงินขอเคลียร์คดี แต่ไม่ยอมจึงถูกตามข่มขู่อยู่ตลอดเวลา

นายสมทัดเปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 01.00 น. ตนได้ขับรถบรรทุก 6 ล้อ หมายเลขทะเบียน 8อ-8435 กาญจนบุรี ออกจากบ้านเพื่อไปส่งหินประดับตกแต่งสวนที่ จ.ราชบุรี โดยมี ด.ญ.อรทัย ลูกสาวของตน กับนายสิทธิไวยกิจ วันกุมภา และนายสุดใจ บุตรสาร ลูกจ้างเดินทางมาด้วย แต่เนื่องจากพวกตนยกหินกันทั้งวันก็ทำให้เหนื่อยอ่อนเพลีย ง่วงนอนกันทั้งหมดจนทำให้ขับรถหลงทาง จนกระทั่งมาเจอป้อมยามตำรวจเขาสามสิบหาบ จึงจอดรถลงไปสอบถามเส้นทางจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นายสมทัดกล่าวต่อว่า พอเดินไปที่ป้อมก็เจอ ด.ต.เกรียง แก้วไพร ผบ.หมู่ ป.สภ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อยู่ในชุดตำรวจครึ่งท่อน และสภาพเมาสุรา เข้ามาถามตนว่า “มึงบรรทุกอะไรมา” ตนก็บอกว่าบรรทุกหินมาจาก จ.กาญจนบุรี จะเอาไปส่งที่ จ.ราชบุรี แต่แล้ว ด.ต.เกรียง บอกตนว่า “กูว่าไม่ใช่คนกาญจน์ เพราะถ้าใช่คงไม่น่าหลงทาง พวกมึงเป็นคนต่างด้าวรึเปล่า” จากนั้นก็ไปที่รถของตนพร้อมเรียกลูกน้องของตนทั้งหมดลงมาจากรถเพื่อพูดคุย แต่ ด.ต.เกรียงก็พูดจาไม่รู้เรื่องเพราะอยู่ในอาการเมา แถมยังพูดจากับพวกตนแบบมึงกูตลอดเวลา

“แล้วเขาก็บอกผมว่า ถ้าพวกมึงจะไปต้องจ่ายมา 2,000 ผมก็บอกเขาไปว่าผมรับเหมามาแค่ 7,000 เติมน้ำมันไปแล้ว ต้องจ่ายเงินค่าแรงลูกน้องอีก ไม่เหลือเงินแล้วพี่ เอาไป 100 เดียวได้ไหม เขาก็บอกว่างั้นพวกมึงไปไม่ได้ แล้วเขาก็ชักปืนขึ้นมา พวกผมทั้งหมดเลยวิ่งกลับไปที่รถแล้วสตาร์ทรถออกไปทันที ก่อนที่เขาจะชักปืนรัวใส่รถผมไปหลายนัด กระสุนถูกที่หัวของนายสุดใจจนได้รับบาดเจ็บ แล้วพวกเขาก็ยังขับรถไล่ตามพวกผมมาอีก พอผมขับไปประมาณ 400 เมตร ก็เลยตัดสินใจจอดรถหลบหนีไปเข้าป่าทันที โดยทิ้งนายสุดใจไว้ที่รถ เพราะกลัวว่าจะถูกตามทัน”

นายสมทัดกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นพวกตนก็วิ่งหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในป่าตีนเขา รอให้ถึงเช้าก็โทรศัพท์ไปบอกให้พี่ชายมารับ ก่อนจะย้อนกลับไปที่ป้อมตำรวจดังกล่าวก็เจอรถบรรทุกของตนจอดอยู่ แต่ไม่เจอนายสุดใจ ถามตำรวจที่เข้าเวรในป้อมก็บอกไม่รู้เรื่อง เลยไปสอบถามจากผู้ใหญ่บ้านก็ได้รับคำตอบว่าตำรวจพาส่งตัวไปโรงพยาบาลท่ามะกาแล้ว เนื่องจากโดนหินเขวี้ยงใส่ศีรษะ แต่ตนก็ได้แย้งไปว่าไม่ได้ถูกหินเขวี้ยงใส่ แต่ถูกยิง ก่อนที่พวกตนจะรีบเดินทางไปโรงพยาบาลทันที เมื่อไปถึงก็พบว่านายสุดใจนอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู เมื่อสอบถามแพทย์กับพยาบาลก็ได้รับคำตอบว่าตำรวจแจ้งว่านายสุดใจถูกหินขวางใส่ศีรษะ แต่ตนแย้งไปว่าเจ้าตัวถูกยิงมา ทางโรงพยาบาลก็บอกว่าไม่สามารถรักษาได้ ทำได้แค่ช่วยเหลือไว้อย่างเดียวเพราะเครื่องมือไม่พร้อม พวกตนจึงย้ายไปโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี ก่อนจะผ่าตัดเอากระสุนออกมาจากศีรษะ ช่วยชีวิตนายสุดใจเอาไว้ได้ แต่เจ้าตัวก็ต้องกลายเป็นคนพิการ พูดไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย

นายสมทัดกล่าวอีกว่า หลังจากนั้นก็เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ท่ามะกา แต่ร้อยเวรท่าทางจะไม่ค่อยกระตือรือร้นอีก ทั้งที่ตนชี้รูป ด.ต.เกรียง ไปแล้ว แต่ร้อยเวรก็บอกเเค่ว่าเดี๋ยวจัดการเอง พอตกเย็น พล.ต.ต.เรวัติ กลิ่นเกษร ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ก็โทร.มาบอกตนเพื่อจะขอเจรจาให้ยอมความ โดยเสนอเงินให้จำนวน 200,000 บาท พร้อมทั้งบอกว่า ผกก.สภ.ท่ามะกา ขอให้ ด.ต.เกรียง รับราชการต่อไป แต่ตนไม่ยอมรับเงินเพราะต้องการความเป็นธรรม แต่ตนก็ถูกพูดจาใส่แกมขู่ว่ารู้เรื่องทนายสมชายที่ถูกอุ้มบ้างหรือไม่

เมื่อได้ยินดังนั้นตนก็พยายามระวังตัวอยู่ตลอดเวลา พยายามไม่อยู่ติดบ้าน เพราะรู้ตัวแล้วว่าต้องเกิดเหตุร้ายขึ้นแน่นอน จนให้หลัง 2-3 วัน เวลาประมาณ 05.00 น.ก็มีชายฉกรรจ์กว่า 20 คนเข้ามาล้อมบ้านตนไว้ ซึ่งวันนั้นโชคดีที่ตนไม่อยู่บ้านพอดี จากนั้นชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็บุกเข้ามาในบ้าน เข้ามาถามลูกสาวตนว่าชื่ออะไร พ่อแม่เป็นใคร แล้วพ่ออยู่ไหน ไปนอนที่ไหน ทำให้ตนไม่กล้ากลับไปที่บ้านอีกเลย กิจการรับจัดตกแต่งสวนก็ต้องหยุดไปเลย เพราะ ด.ต.เกรียง ก็ยังรับราชการอยู่ตามปกติ ส่วนลูกสาวของตนนั้นตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่กล้าไปเรียนที่โรงเรียนเลย เวลาเห็นตำรวจก็รู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลา

นายสมทัดกล่าวด้วยว่า ตนเคยไปร้องเรียนนายกรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่เรื่องก็เงียบหายไป ในวันนี้จึงมาร้องเรียนที่สามาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย เพราะต้องการร้องขอความเป็นธรรม และเกรงกลัวอิทธิพลของตำรวจในพื้นที่ เนื่องจากมีหนังสือส่งมาเรียกตนไปพบคณะกรรมการสอบสวนคดีร้ายแรง เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติ่ม แต่ในหนังสือฉบับดังกล่าวมีพิรุธหลายจุด ไม่ว่าจะถูกพิมพ์ขึ้นในวันที่ 3 เม.ย.52 ทั้งๆ ที่วันเกิดเหตุคือวันที่ 12 เม.ย.52 อีกทั้งระบุว่าให้เรียกไปพบ “พ.ต.อ.ปรัชญ์ชัย ใจชาญสุกิจ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี กับพวก” แทนที่จะให้ไปพบพนักงานสอบสวนในคดี ทำให้ตนเกรงว่าจะถูกเรียกให้ไปปรากฏตัวแล้วเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตน

ด้าน นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมฯ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) เวลา 14.00 น.จะพาผู้เสียหายเดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เพื่อทวงถามความเป็นธรรมในคดีนี้ พร้อมทั้งจะให้นายเกรียงไกร นาควะรี ทนายความประจำสมาคมฯ ช่วยเหลือดูแลในเรื่องคดี ซึ่งเบื้องต้นในคดีนี้เข้าข่ายข้อหาพยายามฆ่า และปฏิบัติหน้าหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 นอกจากนี้ ในการดำเนินการทางวินัยนั้น ทางตำรวจก็มีกฎระเบียบอยู่แล้ว
นายสมทัด ลิมปกาญจนทวี (เสื้อฟ้า) พาครอบครัวและนายสุดใจ บุตรสาร ลูกจ้าง เข้าร้องเรียนกับนายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมฯ
นายสุดใจ บุตรสาร กลายเป็นคนพิการ
ด.ต.เกรียง แก้วไพร ผบ.หมู่ ป.สภ.ท่ามะกา
กระสุนที่ถูฏผ่าออกจากศีรษะนายสุดใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น