คนร้ายงัดรถเก๋ง นางอังคณา นีละไพจิตร ภายในห้องโดยสาร ถูกรื้อค้นทรัพย์สินจนกระจัดกระจาย คล้ายกับว่าคนร้ายต้องการหาเอกสารสำคัญบางอย่าง ด้านตำรวจ เผย พบลายนิ้วมือแฝงที่คาดว่าน่าจะเป็นของคนร้าย เตรียมไปตรวจสอบกับทะเบียนประวัติอาชญากร เพื่อติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (7 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น.พ.ต.ท.สนั่น เบี้ยวสว่าง สารวัตรเวร สน.บางยี่เรือ ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายก่อเหตุงัดรถเก๋งชิงทรัพย์ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 73/5 ซอยอิสรภาพ 11 แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี กทม.จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และกองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น จำนวน 1 คูหา เจ้าหน้าที่พบ นางอังคณา นีละไพจิตร อายุ 52 ปี เจ้าของบ้านซึ่งเป็นภรรยาของ นายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความชื่อดังที่หายสาบสูญไป ยืนรอให้การกับตำรวจอยู่ข้างๆ รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเขียว หมายเลขทะเบียน ภง 6786 กทม.ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน ในสภาพกระจกหูช้างด้านหลังข้างขวาถูกงัด ส่วนภายในห้องโดยสารถูกรื้อค้นทรัพย์สินจนกระจัดกระจาย แต่คนร้ายไม่ได้เอาสิ่งใดติดมือไปด้วยเลย จากการตรวจสอบฝั่งตรงข้ามบ้านที่เกิดเหตุพบกระจกหูช้างของรถคันดังกล่าว และร่มอีก 1 คัน ถูกนำไปทิ้งไว้ในกองขยะเจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นางอังคณา ให้การว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถของ ทนายสมชาย สามีตน ซึ่งหลังจากที่สามีได้หายตัวไป คนในครอบครัวก็นำรถมาใช้ตามปกติ โดยก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ลูกตนเพิ่งจะขับรถมาจอดหลังกลับจากเรียนหนังสือ แล้วก็ไม่มีใครนำรถออกไปใช้อีก จนกระทั่งช่วงบ่าย วานนี้ (6 มิ.ย.) ตนได้เอาไม้ขนไก่มาปัดฝุ่นทำความสะอาด ก็ยังเห็นรถอยู่ในสภาพปกติ จากนั้นตนก็เข้าไปนั่งทำงานในบ้านแล้วเข้านอนเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า กลับพบว่า มีคนร้ายมางัดกระจกหูช้างด้านหลังข้างขวาเข้าไปรื้อค้นทรัพย์สินในรถ จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ก่อนประสานให้ตำรวจท้องที่เข้ามาตรวจสอบ
นางอังคณา กล่าวอีกว่า คนร้ายไม่ได้เอาทรัพย์สินอะไรไปเลย เนื่องจากตนและลูกๆ ไม่ได้เก็บสิ่งของมีค่าไว้ในรถ แต่ที่น่าสังเกต คือ มีร่องรอยรื้อค้นเอกสารเก่าๆ ม้วนเทปเพลง และตำราของสามี ซึ่งเก็บเอาไว้ที่ช่องเก็บของด้านหน้ารถจนกระจัดกระจาย คล้ายกับว่าคนร้ายต้องการหาเอกสารสำคัญบางอย่าง ทีแรกตนยังคิดว่ารถน่าจะถูกงัดกระจกหูช้างไปขายเหมือนรถชาวบ้านคนอื่นๆ ที่อยู่ในซอยโดนกัน แต่พอเดินตรวจสอบรอบๆ บริเวณแล้วกลับพบว่าถูกนำไปทิ้งในกองขยะฝั่งตรงข้าม ทำให้ตนมั่นใจว่า การก่อเหตุในครั้งนี้ไม่ใช่การมุ่งเอาเพียงทรัพย์สินเพียงอย่างเดียวแน่นอน
“หลังจากที่สามีตนหายตัวไปก็มักจะมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวตลอด บ่อยครั้งที่มีโทรศัพท์ลึกลับโทร.เข้ามาที่เบอร์บ้าน และโทรศัพท์มือถือ แต่ปลายสายไม่ยอมพูด เมื่อตรวจเช็กแล้ว ปรากฏว่า ใช้โทรศัพท์สาธารณะโทร.เข้ามา จึงไม่สามารถหาตัวผู้คุกคามได้นอกจากนี้ ยังมีคนแปลกหน้าทำทีมายืนคุยโทรศัพท์แล้วใช้สายตาสอดส่องมองเข้ามาในบ้านอยู่บ่อยๆ จนตนและลูกๆ หวาดระแวง โดยหลังจากนี้ ตนและคนในครอบครัวคงต้องระวังตัวกันให้มากยิ่งขึ้นซึ่งเรื่องดังกล่าวได้แจ้งให้ตำรวจทราบไปแล้ว” นางอังคณา กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.สนั่น เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งเหตุตนก็รีบประสานให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบในที่เกิดเหตุทันที ซึ่งขณะนี้ได้ทำการเก็บลายนิ้วมือแฝงที่คาดว่าน่าจะเป็นของคนร้ายไปตรวจสอบกับทะเบียนประวัติอาชญากร เพื่อติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีแล้ว