ศาลฎีกาพิพากษาแก้ ลดโทษมือยิงอัยการนครศรีธรรมราช จาก 33 ปี เหลือ 8 ปีเศษ ชี้ ถูกด่าทอบรรพบุรุษเป็นเหตุให้บันดาลโทสะ
วันนี้ (29 พ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 910 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการกองคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายอมรพล พรหมเกิด อายุ 46 ปี เจ้าของร้านประดับยนต์ใน จ.นครศรีธรรมราช เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน
คดีนี้โจทก์ฟ้องระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค.2541 เวลา 22.40 น.จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยี่ห้อ สมิท แอนด์ เวสสัน ทะเบียน กท.4104337 กระสุปืน 6 นัด ยิง นายวันชัย ชาญสตบุตร รองอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช (ขณะนั้น) และ นางอุบลรัตน์ ชาญสตบุตร ภรรยาได้รับบาดเจ็บ ส่วน นายสุประเสริฐ เยี่ยมวรยุทธ ถึงแก่ความตาย ภายในร้านอาหาร ไสใหญ่ รีสอร์ท จ.นครศรีธรรมราช
ในทางนำสืบฟังได้ว่าก่อนเกิดเหตุ นายวันชัย ได้นัดให้ นางสุภาภรณ์ ปรีชา ญาติสนิท ซึ่งรับราชการอยู่ที่ รพ.นาบอน และจำเลย ไปพูดคุยกันที่ ร้านอาหารที่เกิดเหตุของนายวันชัย เพื่อเจรจาให้ นางสุภาภรณ์ ยอมถอนแจ้งความที่ดำเนินคดีกับ นายสุประเสริฐ ข้อหาลักทรัพย์ชุดชั้นใน ของนางสุภาภรณ์ ไป แต่นางสุภาภรณ์ ไม่ยินยอม แม้ว่า นายสุประเสริฐ เสนอจะให้เงิน 50,000 บาทตอบแทน เพราะไม่พอใจที่ นายสุประเสริฐ มักพูดกับคนอื่นว่า มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน
เมื่อจำเลยกับ นางสุภาภรณ์ จะขอตัวกลับ นายวันชัย ได้ข่มขู่ว่า อาจถูกฟ้องกลับ ทั้งยังด่าทอ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ถึงบรรพบุรุษอีกด้วย ก่อนจะลุกขึ้นทุบโต๊ะ ทำท่าล้วงมือไปที่เอว จำเลยจึงใช้ปืนยิงทั้งสามได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว
จำเลยให้การรับสารภาพว่า เป็นคนยิงผู้เสียหายทั้งสอง และผู้ตายจริง แต่กระทำไป เพราะป้องกันตัว และบันดาลโทสะ
คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี และฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ จำคุก 1 ปี คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนและชั้นศาลเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลย 33 ปี 4 เดือน และกระทงละ 8 เดือนรวม 2 กระทง ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน รวมจำคุก 33 ปี 20 เดือนโจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า มูลเหตุที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการที่ นายวันชัย เกลี้ยกล่อม นางสุภาภรณ์ และจำเลย ไม่สำเร็จ ก็ลุแก่โทสะ ด่าว่าทั้งสอง ถึงบรรพบุรุษ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับหน้าที่อัยการของ นายวันชัย ที่ศาลล่างทั้งสอง พิพากษาให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิต โดยไม่ลดโทษ เพราะเหตุบันดาลโทสะนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น เห็นสมควรแก้ไขคำพิพากษาให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 72 ,80 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ อันเป็นบทหนักสุด จำคุก 12 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม เหลือจำคุก 8 ปี เมื่อรวมโทษฐานมีอาวุธปืน และพกพาอาวุธปืนที่ศาลล่างจำคุกไว้ 16 เดือนแล้ว คงจำคุกจำเลยไว้ทั้งสิ้น 8 ปี 16 เดือน
