ปศท.กวาดล้างจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้ง “ลีวายส์-เสื้อโคลอมเบีย-ไนกี้” ค่าเสียหาย 30 ล้าน ขณะที่ “อลงกรณ์” โผล่ร่วมแถลงโชว์ผลงาน โวถือเป็นการจับสินค้าปลอมครั้งใหญ่ที่สุดในโลก ของ “โคลอมเบีย สปอร์ตแวร์” ผู้ต้องหากัมพูชา รับสารภาพลักลอบนำเข้ามาขายในไทย ส่วน รอง ผบช.ก.เผยจับซีดี-ดีวีดีเถื่อน กว่า 7 ล้านบาท
วันนี้ (25 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก.พร้อมด้วย พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ผบก.ปศท.ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 39 ราย พร้อมของกลางจำนวน 10,465 ชิ้น อาทิ กางเกงยีนส์ยี่ห้อลีวายส์ เสื้อแฟชั่นยี่ห้อโคลอมเบีย ไนกี้ ลิเวอร์พูล แมนยูฯ กระเป๋าถือยี่ห้อหลุยส์วิตตอง กุชชี่ นาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์ และโทรศัพท์พร้อมอุปกรณ์ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากนโยบายการปราบปรามสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง โดยได้มอบหมายให้ชุดจับกุมของ ปศท.เข้าตรวจค้นและยึดของกลางตามแหล่งผลิตและที่มีการวางขายตามท้องตลาด โดยเฉพาะการจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ประเภทเสื้อผ้าของยี่ห้อโคลอมเบีย สามารถตรวจยึดได้ถึง 5,000 ตัว ถือได้ว่าเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดในโลกของบริษัท โคลอมเบีย สปอร์ตแวร์ ซึ่งผู้ต้องหาที่เป็นหญิงกัมพูชาให้การรับสารภาพ ว่า นำสินค้าดังกล่าวมาจากประเทศกัมพูชา
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเสื้อผ้ายี่ห้อโคลอมเบียที่นำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น มีทั้งการปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าและลักลอบหนีภาษี อีกทั้งขณะที่ชุดจับกุมเข้าตรวจค้นยึดของกลางยังถูกล้อมและถูกด่านตรวจสกัดกั้น ซึ่งจะต้องประชุมหารือกับนายกรัฐมนตรีและทางคณะกรรมการละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย รวมทั้งตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ที่ตั้งด่านเป็นชุดไหน
“สำหรับชุดเฉพาะกิจของกระทรวงพาณิชย์ที่เข้าจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในย่านพัฒนพงษ์จนเกิดปัญหานั้น หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้มีการประชุมหารือกันอยู่ตลอดถึงการเข้าตรวจค้นจับกุม โดยเจ้าหน้าที่จะวางแผนให้รอบคอบก่อนที่จะเข้าจับกุม และถึงแม้ว่าชุดเฉพาะกิจชุดนั้นจะถูกยุบไป ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจหรือปล่อยให้มีการกระทำผิด ยังมีชุดจับกุมอีกหลายชุดที่สามารถดำเนินการได้ แต่ถ้าเป็นแหล่งผลิตหรือต้นตอก็จะให้เป็นหน้าที่ของดีเอสไอที่จะเข้าตรวจสอบจับกุม ซึ่งขณะนี้พบว่าการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มีจำนวนน้อยลงไปพอสมควร” นายอลงกรณ์ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.โกวิทย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังสารมารถจับกุมซีดี ดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์ ได้ผู้ต้องหา จำนวน 63 ราย พร้อมของกลางแผ่นซีดี ดีวีดี กว่า 70,800 แผ่น มูลค่าความเสียหายกว่า 7,000,000 ล้านบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาปลอมหรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้าตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 และละเมิดลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 แก่ผู้ต้องหาก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (25 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก.พร้อมด้วย พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ผบก.ปศท.ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 39 ราย พร้อมของกลางจำนวน 10,465 ชิ้น อาทิ กางเกงยีนส์ยี่ห้อลีวายส์ เสื้อแฟชั่นยี่ห้อโคลอมเบีย ไนกี้ ลิเวอร์พูล แมนยูฯ กระเป๋าถือยี่ห้อหลุยส์วิตตอง กุชชี่ นาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์ และโทรศัพท์พร้อมอุปกรณ์ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากนโยบายการปราบปรามสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง โดยได้มอบหมายให้ชุดจับกุมของ ปศท.เข้าตรวจค้นและยึดของกลางตามแหล่งผลิตและที่มีการวางขายตามท้องตลาด โดยเฉพาะการจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ประเภทเสื้อผ้าของยี่ห้อโคลอมเบีย สามารถตรวจยึดได้ถึง 5,000 ตัว ถือได้ว่าเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดในโลกของบริษัท โคลอมเบีย สปอร์ตแวร์ ซึ่งผู้ต้องหาที่เป็นหญิงกัมพูชาให้การรับสารภาพ ว่า นำสินค้าดังกล่าวมาจากประเทศกัมพูชา
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเสื้อผ้ายี่ห้อโคลอมเบียที่นำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น มีทั้งการปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าและลักลอบหนีภาษี อีกทั้งขณะที่ชุดจับกุมเข้าตรวจค้นยึดของกลางยังถูกล้อมและถูกด่านตรวจสกัดกั้น ซึ่งจะต้องประชุมหารือกับนายกรัฐมนตรีและทางคณะกรรมการละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย รวมทั้งตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ที่ตั้งด่านเป็นชุดไหน
“สำหรับชุดเฉพาะกิจของกระทรวงพาณิชย์ที่เข้าจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในย่านพัฒนพงษ์จนเกิดปัญหานั้น หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้มีการประชุมหารือกันอยู่ตลอดถึงการเข้าตรวจค้นจับกุม โดยเจ้าหน้าที่จะวางแผนให้รอบคอบก่อนที่จะเข้าจับกุม และถึงแม้ว่าชุดเฉพาะกิจชุดนั้นจะถูกยุบไป ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจหรือปล่อยให้มีการกระทำผิด ยังมีชุดจับกุมอีกหลายชุดที่สามารถดำเนินการได้ แต่ถ้าเป็นแหล่งผลิตหรือต้นตอก็จะให้เป็นหน้าที่ของดีเอสไอที่จะเข้าตรวจสอบจับกุม ซึ่งขณะนี้พบว่าการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มีจำนวนน้อยลงไปพอสมควร” นายอลงกรณ์ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.โกวิทย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังสารมารถจับกุมซีดี ดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์ ได้ผู้ต้องหา จำนวน 63 ราย พร้อมของกลางแผ่นซีดี ดีวีดี กว่า 70,800 แผ่น มูลค่าความเสียหายกว่า 7,000,000 ล้านบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาปลอมหรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้าตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 และละเมิดลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 แก่ผู้ต้องหาก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป