แก๊งดาบตำรวจโหด! เข้ารับข้อกล่าวหาฆ่าแขวนคอหนุ่มกาฬสินธุ์

ดีเอสไอ เรียกแก๊งดาบตำรวจใจโหด สังกัดภูธรภาค 4 เข้ารับทราบข้อกล่าวหาฆ่าแขวนคอวัยรุ่นกาฬสินธุ์ เผยมีพฤติการณ์รุนแรง และมีคดีตายปริศนาในพื้นที่กว่า 20 ศพ พร้อมค้านประกันตัว

วันนี้ (20 พ.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผอ.สำนักคดีอาญาพิเศษ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ออกหมายเรียกตัวตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ชุดสืบสวนกุหลาบ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ในคดีฆ่าแขวนคอ นายเกียรติศักดิ์ หรือ เอ็กซ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ที่ถูกนำไปฆ่าแขวนคอในพื้นที่ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ก.ค.2547 โดยตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ 3 ราย ประกอบด้วย ด.ต.อังคาร คำมูลนา ด.ต.พรรณสินธ์ อุปนันท์ ด.ต.สุดธินัน โนนทิง ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และซ่อนเร้นปิดบังอำพรางการตาย ซึ่งผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาล ส่วนตำรวจชั้นสัญญาบัตรอีก 2 ราย และชั้นประทวนอีก 1 ราย ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเดียวกันจะเข้ามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหาในภายหลัง

พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวด้วยว่า จากการสอบสวนพบว่าคดีนี้มีลักษณะการกระทำความผิดรุนแรง และมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต อีกทั้งในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ มีเหตุฆาตกรรมวัยรุ่นด้วยการฆ่าแขวนคอและยิงเสียเสียชีวิตในลักษณะคล้ายคลึงกันอีกกว่า 20 คดี ซึ่งพนักงานสอบสวนในพื้นที่ยุติการสอบสวนไปโดยที่ไม่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ดีเอสไอจึงขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทุกราย โดยการปล่อยตัวชั่วคราวขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาลอาญา

พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีของ นายเกียรติศักดิ์ ดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษ ตั้งแต่ปี 2548 และรับคดีฆาตกรรมปริศนาในท้องที่จ.กาฬสินธุ์ไว้สืบสวนข้อเท็จจริงอีก 8 เรื่อง เนื่องจากญาติของผู้เสียชีวิตเข้าร้องขอความเป็นธรรมให้มีการสอบสวนสาเหตุการตายว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าเกี่ยวข้องหรือไม่

สำหรับการเสียชีวิตปริศนาของวัยรุ่น อายุระหว่าง 17-18 ปี รวม 21 ศพ ในท้องที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 2547-2548 และถูกโยงว่าเกี่ยวข้องกับเหตุฆ่าตัดตอนในสงครามยาเสพติด ซึ่งรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีนโยบายให้ลดเป้าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งในส่วนของผู้ค้าและผู้เสพ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากการสืบสวน พบว่า วัยรุ่นทั้งหมดเสียชีวิตหลังได้รับการประกันตัว ซึ่งหากผู้ตายเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็จะถูกฆ่าแขวนคอ แต่ถ้าผู้ตายมีประวัติเกี่ยวกับคดีอาญาอื่นๆ เช่น ลักทรัพย์ หรือวิ่งราวทรัพย์ ก็จะถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งในชั้นสอบสวนตำรวจท้องที่ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้แม้แต่รายเดียว

ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ท.กิตติ ภักดีรักษ์พงศ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) ชำนาญการพิเศษ ได้ควบคุม ด.ต.อังคาร คำมูลนา อายุ 45 ปี ด.ต.สุดธินันท์ โนนทิง อายุ 40 ปี และ ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 39 ปี และ เจ้าหน้าที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ผู้ต้องหาที่ 1-3 คดีร่วมกันฆ่าผู้นายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ โดยเจตนา โดยใช้เชือดรัดคอ แล้วนำศพไปแขวนคออำพรางคดีว่าฆ่าตัวตาย มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 – 31 พ.ค.นี้ เนื่องต้องรอสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 3 ปาก , รอเอกสารที่เกี่ยวข้อง และตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา

โดยท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวน คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง คดีสะเทือนขวัญประชาชนทั่วไป เนื่องจากผู้ต้องหากับพวก มีพฤติการณ์ข่มขู่ คุกคามพยานสำคัญ จนพยานต้องร้องขอต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อเข้าโครงการคุ้มครองพยาน ดังนั้นจึงเกรงว่า หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว อาจจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานทำให้รูปคดีเสียหาย

ศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ต่อมาภายหลังญาติผู้ต้องหาทั้ง ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินในจังหวัดกาฬสินธุ์ และตำแหน่งผู้บังคับบัญชา รวมมูลค่าประมาณ 1.9 ล้าน เพื่อขอประกันตัว โดยศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกันคนละ 5 แสนบาท