พิพากษาอุทธรณ์ยืน ยกฟ้อง “ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา” ประธานเครือข่ายแพทย์ ไม่ผิดฐานละเมิด “รพ.พญาไท 1” ฟ้องเรียก 100 ล้าน ชี้การให้สัมภาษณ์เรื่องโรงพยาบาลทำคลอดลูกชายส่งผลต้องพิการเพื่อเรียกร้องสิทธิ เจ้าตัวยังสู้ ยื่นฟ้องคดีผู้บริโภค เรียกโรงพยาบาลอีก 57 ล้าน หลังตรวจพบอาการผิดปกติเพิ่มเมื่อปี 51
วันนี้ (19 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลแพ่ง ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีหมายเลขแดงที่ 2279/2547 ที่ บริษัท โรงพยาบาลพญาไท 1 จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางปรียนันท์ หรือดลพร ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ เป็นจำเลยเรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีเมื่อวันที่ 12 ก.ย.2545 จำเลยได้กล่าวผ่านรายการ “เมืองไทยรายวัน” ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ช่อง 9 อ.ส.ม.ท.ว่า แพทย์โรงพญาไท 1 ได้ทำคลอด นายกฤตบุญ หรือพิทักษ์พงค์ ล้อเสริมวัฒนา หรือน้องเซนต์ บุตรชาย โดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง และไม่รับผิดชอบที่ส่งผลให้บุตรชายต้องพิการขายาวไม่เท่ากัน
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลย เนื่องจากเห็นว่าคำกล่าวของจำเลยเป็นการกล่าวไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ไม่มีเจตนาใส่ร้าย จึงไม่เป็นการละเมิดโจทก์ ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ประชุมหารือตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่าคำกล่าวของจำเลยในรายการเมืองไทยรายวัน เป็นการกล่าวไปตามความเข้าใจเพื่อความชอบธรรม และปกป้องสิทธิตามครองธรรม จึงไม่เป็นการละเมิด ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลพิจารณาว่าแพทย์ของโจทก์กระทำการโดยประมาทในการทำคลอดบุตรชายจำเลยหรือไม่ ศาลเห็นว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ได้อยู่ในฟ้อง จึงไม่จำต้องพิจารณา ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว นางปรียนันท์ ได้ยื่นฟ้อง บริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการ รพ.พญาไท 1, พญ. ยรรยงค์ มังคละวิรัช และ นพ.สันติ สุทธิพินทะวงศ์ เป็นจำเลยที่ 1-3 คดีผู้บริโภค ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 เรียกค่าเสียหาย 57 ล้านบาท กรณีทำคลอดโดยประมาทเป็นเหตุให้บุตรชายต้องพิการ
โดยนางปรียนันท์ ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวว่า 18 ปีที่ผ่านมาได้พึ่งกฎหมายร้องทุกข์ต่อหน่วยงานมาโดยตลอด แต่ยังไม่เคยได้รับการคุ้มครองจากใคร ต้องต่อสู้เองจนสิ้นเนื้อประดาตัว ขณะที่น้องเซนต์บุตรชายมีอาการปวดขารุนแรงมากขึ้น โดยเมื่อปี 2551 ที่ผ่านมาได้ตรวจพบความเสียหายใหม่ที่เกิดขึ้นจากหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนลงไปกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท เกิดอาการปวดหลังและร้าวมาที่ขาอย่างรุนแรง ซึ่งต้องทุกข์ทรมานมาก ดังนั้น เมื่อพาบุตรชายไปเอกซเรย์แล้วทราบผลความเสียหายใหม่ที่เกิดขึ้น จึงเป็นหลักฐานที่นำมายืนยันฟ้องคดีใหม่ได้ภายในอายุความ 3 ปี นับแต่วันที่รู้ถึงความเสียหาย ตามมาตรา 13 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคฯ
“ดิฉันเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม แม้วันนี้รู้สึกท้อ เหนื่อย เศร้า แต่ก็ยังสู้ ทั้งที่รู้ว่าการสู้กับวงการแพทย์นั้น เปรียบเหมือนมวยวัดสู้กับแชมป์โลก” นางปรียนันท์ ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าว
ขณะที่ นายพิทักษ์พงค์ หรือน้องเซนต์ ซึ่งปัจจุบัน อายุ 18 ปี กล่าวว่า อาการที่ตรวจพบใหม่ทำให้การดำรงชีวิตยากขึ้นกว่าเดิม โดยเมื่อต้องนั่งเรียนเป็นเวลานานๆ จะปวดหลัง และจะมีอาการเหนื่อยกว่าคนปกติเมื่อต้องเดินขากะเผลก ส่วนแขนข้างซ้ายอ่อนแรงกว่าแขนข้างขวา หมุนรอบ 360 องศาไม่ได้ และเมื่อขาสั้นยาวไม่เท่ากัน ก็ทำให้เล่นกีฬา และเข้าเป็นนักศึกษาวิชาทหารไม่ได้