xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อ “เฮียชู” ตีฝ่าด่านบุกทุบหม้อข้าวตำรวจ สน.คลองตัน!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ในวันที่นายชูวิทย์ เดินทางไปยังหน้าร้านกรุ๊ฟรูม ปากซอยเอกมัย 21 หลังบุตรชายถูกแจ้งความ
ดีความของนายต่อตระกูล และนายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ 2 บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันทำร้ายร่างกายนายอิทธิ วรวุฒิ นิสิตวิศวะ จุฬาฯ ที่ร้านกรุ๊ฟรูม ปากซอยเอกมัย 21 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ท้องที่รับผิดชอบของ สน.คลองตัน

หลังมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อบุตรชายทั้ง 2 คน นายชูวิทย์รุดไปถึงร้านกรุ๊ฟรูม สอบถามจนได้ความว่า รปภ.ของร้ายใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตบุตรชายทั้ง 2 คน และเมื่อเข้าเคลียร์กับหุ้นส่วนของร้านแล้ว หุ้นส่วนของร้านได้ขอโทษขอโพย ซึ่งนายชูวิทย์ก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร แต่ติดใจตรงที่ การเข้าแจ้งความของนายอิทธินั้น นายชูวิทย์เชื่อว่าตำรวจเป็นผู้จัดฉากให้มีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อบุตรชายทั้ง 2 คนของนายชูวิทย์

นายชูวิทย์ระบุทำนองว่า เมื่อมีการดำเนินคดีกับบุตรทั้ง 2 คนในข้อหาทำร้ายร่างกาย ก็ให้ดำเนินคดีไปตามขั้นตอนกฏหมาย ซึ่งเชื่อมั่นว่าคงไม่หนักหนาสาหัสอะไรมาก แต่ประเด็นสำคัญที่นายชูวิทย์ออกมาระบุ โดยอ้างและยกตัวอย่างเอาบุตรของตนเองเป็นอุทาหรณ์ว่า ตำรวจปล่อยให้เยาวชน เข้าไปกินเหล้าในร้านอาหารดังกล่าวได้อย่างไร ตำรวจปล่อยให้ร้านอาหารเปิดเกินเที่ยงคืนถึงตีหนึ่งตีสองได้อย่างไร

ต่อมา พ.ต.ท.สมเกษม จารักษ์ รอง ผกก.สส.สน.คลองตัน กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการจัดฉากอย่างที่นายชูวิทย์กล่าวหา เนื่องจากนายอิทธิได้ติดต่อขอเข้าแจ้งความตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันที่ 15 พ.ค. แล้ว จนช่วงบ่ายนายอิทธิก็ได้โทรศัพท์ถามที่โรงพักอีก จนกระทั่งเจ้าตัวเดินทางมาถึงโรงพัก แต่ก็เห็นผู้สื่อข่าวบริเวณหน้าโรงพักเสียก่อนจึงไม่กล้าเข้ามาแจ้งความ และรอจนถึงช่วงเวลาประมาณ 19.00 น.จึงเข้ามาแจ้งความ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้สอบปากคำจนถึงเวลาประมาณ 21.00 น.

ขณะที่ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อรัญวัฒน์ ผกก.สน.คลองตัน กล่าวว่า กรณีที่นายชูวิทย์กล่าวถึงสถานบริการที่อนุญาตให้เด็กเข้าไปเที่ยวนั้น จากการตรวจสอบพบว่า คืนวันเกิดเหตุนั้น กลุ่มของนายอิทธิซึ่งเป็นนิสิตจุฬาฯ ได้มาขอเช่าร้านเพื่อจัดงานการกุศล โดยมีการขายบัตรหน้างานและมีคอนเสิร์ตมาเล่นเพื่อจะนำรายได้ไปออกค่ายอาสาที่ต่างจังหวัด ประกอบกับร้านดังกล่าวเปิดเป็นกึ่งร้านอาหารที่มีดนตรีเล่นจึงทำให้มีบุคคลที่อายุไม่ถึง 20 ปี สามารถใช้บริการได้ ไม่อยู่ในข่ายผิดกฎหมาย

เย็นวันที่ 18 พ.ค. นายชูวิทย์ พร้อมนายต่อตระกูล และนายต้นตระกูล เดินทางไปออกรายการโทรทัศน์ โดยนายชูวิทย์ยังคงยืนยันเชื่อมั่นว่า คดีที่เกิดขึ้นตำรวจเป็นฝ่ายจัดฉาก จากนั้นยกเอา พ.ร.บ.สถานบริการมากล่าวอ้าง โดยระบุว่าไม่ใช่แต่ลูกชายของตัวเองเท่านั้นที่ตนเป็นห่วง แต่เยาวชนทั้งหมดที่เข้าไปเที่ยวสถานบริการ เป็นเพราะตำรวจปล่อยปละละเลย ทำให้สถานบริการในท้องที่ สน.คลองตัน และ สน.ทองหล่อ ปล่อยให้เยาวชนเข้าไปมั่วสุมกันได้

ดูเหมือนการให้สัมภาษณ์ของนายชูวิทย์ที่รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยเยาวชนจะได้ใจบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองและสังคมไปพอสมควร ในขณะที่ตำรวจ สน.คลองตัน กลับตกเป็นจำเลยของสังคมไปในทันที

เรื่องนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “ผลประโยชน์” ในพื้นที่ โดยเฉพาะจากบรรดาร้านอาหาร ผับ หรือสถานบันเทิง เป็นตัวจักรสำคัญที่เป็นตัวบ่งชี้ว่า ตำรวจทำงาน และปฏิบัติตามระเบียบกฏหมายอย่างเคร่งครัดหรือไม่ กรณีที่นายชูวิทย์กล่าวถึงนั้น ทางพ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อรัญวัฒน์ ผกก.สน.คลองตัน จึงปฏิเสธทั้งความเป็นจริง และความรับผิดชอบไม่ได้!

ตำรวจก็คงออกมาปฏิเสธคอเป็นเอ็นว่าไม่ได้ปล่อยปละละเลย หรือเรียกรับผลประโยชน์จากบรรดาร้านอาหาร ผับ และสถานบันเทิง ตำรวจมีการกวดขันอย่างสม่ำเสมอ ที่จะไม่ให้บรรดาเยาวชนแอบเข้าไปใช้บริการได้ อีกทั้งยังเข้มงวดให้บรรดาร้านเหล่านั้นปิดตรงเวลาตามที่กฏหมายกำหนด ก็เหมือนอย่างว่า เมื่อครั้งที่นายชูวิทย์ยังทำธุรกิจสถานบริการอาบอบนวดอยู่นั้น มีหลายคนที่พยายามกล่าวหานายชูวิทย์ว่า ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการขายบริการ ทว่าครั้งนั้น นายชูวิทย์กล่าวอ้างว่า สถานบริการอาบอบนวด ไม่ได้ขายบริการทางเพศ แต่ไม่รู้ว่า เมื่อหญิงชาย 2 คนเข้าไปในห้องนั้น เขาจะเข้าไปทำอะไรกัน!

อ้อ...! ยังมีข้อมูลในมือนายชูวิทย์ถึงบรรดาร้านอาหาร ผับ สถานบริการอีกจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 แห่งในท้องที่ของทั้ง สน.คลองตัน และสน.ทองหล่อ ที่ทั้งเปิดเกินเวลา และให้เยาวชนเข้าไปใช้บริการ ....เฮ้อ....ไม่รู้จะแค้นอะไรตำรวจนักหนา “ทั่น ผกก.” ทราบแล้วเปลี่ยน!
กำลังโหลดความคิดเห็น