เจ้าหน้าที่สามารถกู้ศพคนงานสังเวยนั่งร้านโรงหนัง “เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัตนาธิเบศร์” ถล่มได้หมดแล้ว พร้อมนำคำสั่งการระงับการก่อสร้างของทางเทศบาลจำนวน 4 ฉบับ มาติดให้แก้มาตรการก่อสร้างใน 60 วัน บริษัทจ่าย 2.1 แสน พร้อมค่าทำศพคนงาน
วันนี้ (14 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี 3 คนงานเคราะห์ร้ายที่กำลังก่อสร้างเทปูนของโครงการก่อสร้างโรงภาพยนตร์เอสพลานาด 7 ชั้น สาขาติวานนท์ แยกแคราย ถูกปูนถล่มทับร้านลงมาฝังจนเสียชีวิตทั้ง 3 คน หลังจากทางเจ้าหน้าที่สามารถทำกู้ศพผู้เสียชีวิตมาได้เพียง 2 คน ส่วนศพของ นายคำแสง ยาราช คนงานอีกคนยังไม่พบ
โดยตั้งแต่เวลาช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ทำการเคลื่อนย้ายนั่งร้านบางส่วนที่ปิดทับอยู่ในจุดที่ค้นพบศพออกไป จากนั้นจึงใช้เครื่องมือขุดเจาะมาทำการขุดกะเทาะปูนซีเมนต์ที่กลบทับฝังร่างของ นายคำแสง ยาราช จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น.จึงสามารถช่วยกันนำร่างของนายคำแสงซึ่งถูกปูนทับทั้งตัว ขึ้นมาจากกองปูนซีเมนต์ได้ โดยสภาพศพผู้ตายนอนคว่ำหน้า สวมมหมวกนิรภัย อยู่ในชุดทำงานที่ขาดหลุดลุ่ย ตามลำตัวและใบหน้าเต็มไปด้วยเศษปูนที่เกาะติดอยู่
หลังจากที่เจ้าหน้าที่สามารถนำศพของ นายคำแสง ออกมาได้ นางวิเชียร ยาราช ภรรยาของผู้ตายได้เดินเข้ามาดูศพและยืนร้องไห้เสียใจอยู่ข้างๆ พร้อมกับยืนยันว่า ศพที่พบคือนายคำแสง สามีของตน ญาติๆ ต้องช่วยกันพาตัวนางวิเชียรออกไปเพื่อให้สงบสติอารมณ์ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำศพของนายคำแสงส่งไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อทำการชันสูตรต่อไป
ต่อมา นายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศบาลนครนนทบุรี พร้อมด้วย นายคม แสงบำรุง ผู้อำนวยการควบคุมอาคารและผังเมืองของเทศบาลนครนนทบุรี ได้เดินทางมายังบริเวณสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว พร้อมกับนำคำสั่งการระงับการก่อสร้างของทางเทศบาลจำนวน 4 ฉบับ มาติดแจ้งให้ทางบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด รับทราบและปฏิบัติตามคำสั่งที่บริเวณทางเข้าและเสาภายในอาคารที่ก่อสร้างด้วยกันจำนวน 3 จุด โดยคำสั่งทั้ง 4 ฉบับประกอบไปด้วย 1.คำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารตามมาตรา 40(1) 2.คำสั่งห้ามใช้หรือเข้าไปในส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารหรือบริเวณอาคารตามมาตรา 40(2) 3.คำสั่งให้ดำเนินการแก้ไขและให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคารหรือดำเนินการแจ้งตามมาตรา 39 ทวิ ตามมาตรา 41 (ในกรณีที่กระทำให้ผิดไปจากที่ได้รับอนุญาต) และ 4.คำสั่งให้ดำเนินการแก้ไขอาคารตามมาตรา 46 วรรคหนึ่ง (กรณีที่อาคารมีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน ซึ่งคำสั่งทั้ง 4 ฉบับของทางเทศบาลลงวันที่ 13 พ.ค.2552 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายสมนึก กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาตรวจสอบในที่เกิดเหตุอีกครั้ง และนำคำสั่งของทางเทศบาลมาติดประกาศให้ทางบริษัทปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อวานนี้หลังจากที่เทศบาลได้ประกาศให้อาคารที่กำลังก่อสร้างดังกล่าวเป็นเขตอาคารพิบัติไปแล้ว ในวันนี้จึงนำหมายคำสั่งมาติดเพื่อให้ทางบริษัทรับทราบอย่างเป็นทางการ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้ไปจนถึง 60 วัน เพื่อให้ทางบริษัทดำเนินการปรับปรุงแก้ไข และทำแผนเสนอในการก่อสร้างที่ต้องมีแบบมีระบบรักษาความปลอดภัยมากกว่านี้ และจะต้องได้รับการรับรองจากสมาคมวิศวกรรม หรือผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม ในการมาขออนุญาตดำเนินการก่อสร้างใหม่ จากนั้นทางเทศบาลจะเป็นผู้อนุมัติให้ดำเนินการต่อไป ซึ่งหากทางบริษัทฝ่าฝืนคำสั่ง ไม่ปฏิบัติตาม หรือแอบดำเนินการก่อสร้างต่อโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทางเทศบาล ก็มีความผิดในคดีอาญา และมีโทษปรับรายวันไม่เกิน 1.2 แสนบาท ตามดุลพินิจของศาล
สำหรับในส่วนของความช่วยเหลือผู้เสียชีวิตนั้น ในเบื้องต้นทางบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เจ้าของโครงการจะจ่ายค่าช่วยเหลือให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 1 แสนบาท และทางบริษัท โฟคัส ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 1 แสนบาทเช่นกัน รวมทั้งจ่ายค่าทำขวัญให้อีกรายละ 1 หมื่นบาทพร้อมกับค่าจัดงานศพให้กับคนงานเคราะห์ร้ายทั้ง 3 ราย
วันนี้ (14 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี 3 คนงานเคราะห์ร้ายที่กำลังก่อสร้างเทปูนของโครงการก่อสร้างโรงภาพยนตร์เอสพลานาด 7 ชั้น สาขาติวานนท์ แยกแคราย ถูกปูนถล่มทับร้านลงมาฝังจนเสียชีวิตทั้ง 3 คน หลังจากทางเจ้าหน้าที่สามารถทำกู้ศพผู้เสียชีวิตมาได้เพียง 2 คน ส่วนศพของ นายคำแสง ยาราช คนงานอีกคนยังไม่พบ
โดยตั้งแต่เวลาช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ทำการเคลื่อนย้ายนั่งร้านบางส่วนที่ปิดทับอยู่ในจุดที่ค้นพบศพออกไป จากนั้นจึงใช้เครื่องมือขุดเจาะมาทำการขุดกะเทาะปูนซีเมนต์ที่กลบทับฝังร่างของ นายคำแสง ยาราช จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น.จึงสามารถช่วยกันนำร่างของนายคำแสงซึ่งถูกปูนทับทั้งตัว ขึ้นมาจากกองปูนซีเมนต์ได้ โดยสภาพศพผู้ตายนอนคว่ำหน้า สวมมหมวกนิรภัย อยู่ในชุดทำงานที่ขาดหลุดลุ่ย ตามลำตัวและใบหน้าเต็มไปด้วยเศษปูนที่เกาะติดอยู่
หลังจากที่เจ้าหน้าที่สามารถนำศพของ นายคำแสง ออกมาได้ นางวิเชียร ยาราช ภรรยาของผู้ตายได้เดินเข้ามาดูศพและยืนร้องไห้เสียใจอยู่ข้างๆ พร้อมกับยืนยันว่า ศพที่พบคือนายคำแสง สามีของตน ญาติๆ ต้องช่วยกันพาตัวนางวิเชียรออกไปเพื่อให้สงบสติอารมณ์ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำศพของนายคำแสงส่งไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อทำการชันสูตรต่อไป
ต่อมา นายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศบาลนครนนทบุรี พร้อมด้วย นายคม แสงบำรุง ผู้อำนวยการควบคุมอาคารและผังเมืองของเทศบาลนครนนทบุรี ได้เดินทางมายังบริเวณสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว พร้อมกับนำคำสั่งการระงับการก่อสร้างของทางเทศบาลจำนวน 4 ฉบับ มาติดแจ้งให้ทางบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด รับทราบและปฏิบัติตามคำสั่งที่บริเวณทางเข้าและเสาภายในอาคารที่ก่อสร้างด้วยกันจำนวน 3 จุด โดยคำสั่งทั้ง 4 ฉบับประกอบไปด้วย 1.คำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารตามมาตรา 40(1) 2.คำสั่งห้ามใช้หรือเข้าไปในส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารหรือบริเวณอาคารตามมาตรา 40(2) 3.คำสั่งให้ดำเนินการแก้ไขและให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคารหรือดำเนินการแจ้งตามมาตรา 39 ทวิ ตามมาตรา 41 (ในกรณีที่กระทำให้ผิดไปจากที่ได้รับอนุญาต) และ 4.คำสั่งให้ดำเนินการแก้ไขอาคารตามมาตรา 46 วรรคหนึ่ง (กรณีที่อาคารมีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน ซึ่งคำสั่งทั้ง 4 ฉบับของทางเทศบาลลงวันที่ 13 พ.ค.2552 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายสมนึก กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาตรวจสอบในที่เกิดเหตุอีกครั้ง และนำคำสั่งของทางเทศบาลมาติดประกาศให้ทางบริษัทปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อวานนี้หลังจากที่เทศบาลได้ประกาศให้อาคารที่กำลังก่อสร้างดังกล่าวเป็นเขตอาคารพิบัติไปแล้ว ในวันนี้จึงนำหมายคำสั่งมาติดเพื่อให้ทางบริษัทรับทราบอย่างเป็นทางการ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้ไปจนถึง 60 วัน เพื่อให้ทางบริษัทดำเนินการปรับปรุงแก้ไข และทำแผนเสนอในการก่อสร้างที่ต้องมีแบบมีระบบรักษาความปลอดภัยมากกว่านี้ และจะต้องได้รับการรับรองจากสมาคมวิศวกรรม หรือผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม ในการมาขออนุญาตดำเนินการก่อสร้างใหม่ จากนั้นทางเทศบาลจะเป็นผู้อนุมัติให้ดำเนินการต่อไป ซึ่งหากทางบริษัทฝ่าฝืนคำสั่ง ไม่ปฏิบัติตาม หรือแอบดำเนินการก่อสร้างต่อโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทางเทศบาล ก็มีความผิดในคดีอาญา และมีโทษปรับรายวันไม่เกิน 1.2 แสนบาท ตามดุลพินิจของศาล
สำหรับในส่วนของความช่วยเหลือผู้เสียชีวิตนั้น ในเบื้องต้นทางบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เจ้าของโครงการจะจ่ายค่าช่วยเหลือให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 1 แสนบาท และทางบริษัท โฟคัส ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 1 แสนบาทเช่นกัน รวมทั้งจ่ายค่าทำขวัญให้อีกรายละ 1 หมื่นบาทพร้อมกับค่าจัดงานศพให้กับคนงานเคราะห์ร้ายทั้ง 3 ราย