คุมตัวพ่อค้าไม้หอมฆ่าปาดคอแขกซิกข์เจ้าของโครงการพันล้าน ย่านสุขุมวิท ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ สืบพบ นายเคน เพื่อนสนิทผู้ต้องหาเป็นผู้ว่าจ้างในราคา 4 แสน รวมถึงจะใช้หนี้ให้ สั่งทีมสืบตามล่าผู้จ้างวาน ก่อนพรุ่งนี้นำตัวผู้ต้องหาฝากขัง
วันนี้ (13 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ภิรมย์ จันทราภิรมย์ รอง ผกก.สส.สน.ลุมพินี พ.ต.ต.ปิโยรส กัณหะสิริ สว.สส.สน.ลุมพินี ร.ต.อ.นพพร ปราชญ์กระโทก พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ลุมพินี เจ้าของคดี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและสายตรวจ สน.ลุมพินี คุมตัว นายวันชัย เจะเตะ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้องเลขที่ 19/69 ชั้น 9 อาคารสุขุมวิทสวีท ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตย เขตวัฒนา โดยมีพนักงานของบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในอาคารดังกล่าวมุงดู แต่ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นต่อย่างใด
โดยเจ้าหน้าที่ได้เริ่มทำแผนประกอบคำรับสารภาพจุดแรกที่ นายวันชัย ขึ้นมาที่ชั้น 9 แล้วถามหาห้องน้ำจาก นางปิ่นแก้ว ประทาน แม่บ้านของบริษัท จากนั้นเป็นจุดที่สอง ที่นายวันชัยเข้าไปนั่งคิดในห้องน้ำนานกว่า 10 นาที ว่า จะลงมือก่อเหตุดีหรือไม่ จากนั้นเป็นจุดที่สาม คือ ภายในบริษัทเกิดเหตุดังกล่าว โดยเริ่มจาก นายวันชัย ผลักประตูห้องเข้าไป ก็พบ น.ส.สุชาดา มั่นใจ เจ้าหน้าที่จัดซื้อของบริษัท น.ส.สุภาพร แก้วหนู เสมียนของบริษัท และ นายอนันต์ ผู้ตายนั่งอยู่
จากนั้น น.ส.สุชาดา มั่นใจ ก็ถามนายวันชัย ว่า มาทำอะไร ผู้ต้องหาจึงตอบว่า “เดี๋ยวมีเรื่องต้องเคลียร์กับนายอนันต์” จากนั้นก็เดินไปล็อกประตูห้องเอาไว้ ก่อนจะหันมาชักอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ขึ้นมาขู่ให้พนักงานสาวทั้งสองคน ลงไปหมอบที่พื้นด้านหลังห้อง แล้วเดินตรงไปหานายอนันต์ ก่อนใช้ปืนขู่บังคับผู้ตายให้หมอบลงกับพื้นเช่นเดียวกัน
นายวันชัย ให้การต่อว่า หลังจากนั้น ตนก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหามีด ซึ่งเป็นจังหวะเดียวที่นายอนันต์ พยายามจะลุกขึ้นมาจากพื้นห้อง ตนจึงเข้าไปล็อกคอจากด้านหลังแล้วใช้มีดปาดที่ลำคอจนนายอันนต์ เสียชีวิต จากนั้นก็เอาปืนตบศีรษะของ น.ส.สุชาดา แล้วเดินออกจากห้องตรงกลับไปที่ลิฟต์ แต่รอลิฟต์นาน เลยตัดสินใจเดินย้อนกลับมาที่บันไดหนีไฟ แล้วค่อยๆ เดินหลบหนีไป ระหว่างนั้นก็หักมีดทิ้งไว้ที่ลานจอดรถชั้น 3บี ก่อนจะลงไปที่ชั้นล่าง โดยตั้งใจว่าจะกลับไปเอารถที่ตนจอดไว้ที่หน้าปากซอย แต่ก็มาถูกจับเสียก่อน
ด้าน พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี จากการสอบสวนนายวันชัย คนร้าย ทำให้ทราบสาเหตุการฆ่าที่แน่ชัดแล้วว่า นายวันชัย ลงมือฆ่านายอนันต์ เพราะได้รับการว่าจ้างจากนายเคน ซึ่งได้รู้จักกันเมื่อ 3 ปี ก่อน ที่ย่านนานา เพราะทำธุรกิจค้าไม้หอมเหมือนกัน โดยหลังจากที่ได้รู้จักกัน นายวันชัย ก็ไปเป็นหนี้จากการค้าไม้หอมเกือบล้านบาท แต่ไม่ได้เป็นหนี้สินกับนายอนันต์ ผู้ตายแต่อย่างใด ก็ได้นำเรื่องไปเล่าให้นายเคนฟัง
โดยช่วงนั้น นายเคน ก็ได้ไปรู้จักกับหุ้นส่วนคนหนึ่งที่ทำธุรกิจร่วมกับผู้ตาย แต่ถูกผู้ตายโกงเงินไปหลายสิบล้านบาท จนทำให้โกรธแค้นมาก จึงมาว่าจ้าง นายวันชัย ให้เป็นมือสังหาร พร้อมให้ข้อเสนอจะชดใช้หนี้สินจากการค้าไม้หอมของนายวันชัยให้ พร้อมจ่ายเงินค่าจ้างให้อีก 400,000 บาท นายวันชัย จึงตัดสินใจรับงานโดยรับเงินงวดแรกมาแล้ว 40,000 บาท และหลังทำงานเสร็จ นายเคน จึงจะโอนเงินที่เหลือให้ จากนั้นก็พยายามติดตามดูนายอนันต์มาโดยตลอด จนสบโอกาสก่อเหตุ
พ.ต.อ.สมประสงค์ กล่าวด้วยว่า หลังก่อเหตุ นายวันชัย ได้หักมีดออกเป็น 2 ส่วน แล้วโยนแยกทิ้งตรงบันไดหนีไฟเพื่อทำลายหลักฐาน ซึ่งภายหลังตำรวจไปตามหาจนเจอ ส่วนการค้นห้องพักผู้ต้องหาพบเพียงหลักฐานการซื้อมีด และซิมการ์ดโทรศัพท์ของภรรยา ชาวอุดรธานี แต่จากการตรวจสอบแล้วยังไม่พบพิรุธ แต่อย่างใด ทั้งนี้ ได้ประสาน กก.สส.บก.น.5 ติดตามจับกุมตัว นายเคน เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงไปสู่คนจ้างวานที่แท้จริง โดยในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) พนักงานสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหาฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมคัดค้านการประกันตัวเพราะเป็นคดีที่โหดเหี้ยมทารุณ และเกรงว่าคนร้ายจะหลบหนี โดยไม่นำตัวกลับมาที่ สน.อีก
ด้าน พ.ต.อ. สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สืบสวน บก.น.5 กล่าาวว่า ภายหลังสอบสวนผู้ต้องหาสารภาพว่า ผู้ตายติดหนี้สินเรื่องค่าไม้หอมจำนวน 1 ล้านบาทเศษ จากการตรวจสอบข้อมูลแล้วไม่พบหลักฐานแต่อย่างใด แต่พบข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ นายมาร โชเฟอร์ขับรถสาธารณะรับจ้างที่ประเทศมาเลเซีย ได้แนะนำให้นายวันชัย รู้จักกับ นายเคน แขกซิกข์ ที่ทำธุรกิจไม้หอม จนมีความสนิทสนมกับนายวันชัย
โดย นายเคน บอกกับผู้ต้องหาว่า ญาติของตนที่มีหุ้นส่วนร่วมกับผู้ตาย ได้ถูกผู้ตายโกงเงินไปจำนวน 20 ล้านบาท จึงโกรธแค้น จึงจ้างนายเคนให้ฆ่าผู้ตายทิ้ง นายเคน จึงว่าจ้างนายวันชัย ด้วยเงินจำนวน 4 แสนบาท และจะใช้หนี้ที่ผู้ตายติดค้าค้างอีก 1 ล้านเศษ ให้หากฆ่านายอนันต์ สำเร็จ โดยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาให้เงินค่าตอบแทนล่วงหน้ามา 50,000 บาท โดยเงินจำนวนดังกล่าวนำไปซื้ออาวุธปืน รถจักรยานยนต์ และมีดที่ใช้ก่อเหตุ พร้อมอุปกรณ์อื่นๆ ส่วนนายเคน ยังไม่ทราบชื่อสกุลจริง อยู่ระหว่างสืบสวนจับกุม พร้อมผู้ว่าจ้างที่เป็นญาติกับนายเคน
สำหรับข้อมูลการทำธุรกิจของตระกูล สิงห์จิรกุล นั้น นายอนันต์ สิงห์จิรกุล ผู้อำนวยการ บริษัท ซามิราโน่ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์แนวเศรษฐกิจ ว่า พื้นฐานธุรกิจเดิม คือ ทำการค้าผ้า ในนามบริษัท เท็คทารา จำกัด มากว่า 10 ปี มีรายได้ปีละ 400-500 ล้านบาท แต่ขณะนี้ได้ชะลอธุรกิจดังกล่าวไว้ก่อน เนื่องจากว่าได้มีสินค้าจากประเทศจีนมาขายในราคาที่ต่ำกว่า ทำให้คู่ค้าหันไปสั่งสินค้าจากจีนแทน
ขณะเดียวกัน การส่งออกผ้าก็ประสบปัญหาเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ขาดทุน จึงต้องเลิกกิจการ แล้วหันเข้าหาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลตอบแทนสูงกว่า 30% โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของนายอนันต์ เริ่มต้นด้วยทุนจดทะเบียน 11 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มเป็น 111 ล้านบาท ในปัจจุบัน เพื่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งประเภทขาย และเช่าที่เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ ดิ แอลโคฟ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,040 ล้านบาท
ทวงเงิน 2 ล้านฆ่าปาดคอแขกเจ้าของโครงการพันล้าน!ตร.ปักใจฆ่าล้างหนี้มากกว่า
วันนี้ (13 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ภิรมย์ จันทราภิรมย์ รอง ผกก.สส.สน.ลุมพินี พ.ต.ต.ปิโยรส กัณหะสิริ สว.สส.สน.ลุมพินี ร.ต.อ.นพพร ปราชญ์กระโทก พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ลุมพินี เจ้าของคดี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและสายตรวจ สน.ลุมพินี คุมตัว นายวันชัย เจะเตะ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้องเลขที่ 19/69 ชั้น 9 อาคารสุขุมวิทสวีท ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตย เขตวัฒนา โดยมีพนักงานของบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในอาคารดังกล่าวมุงดู แต่ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นต่อย่างใด
โดยเจ้าหน้าที่ได้เริ่มทำแผนประกอบคำรับสารภาพจุดแรกที่ นายวันชัย ขึ้นมาที่ชั้น 9 แล้วถามหาห้องน้ำจาก นางปิ่นแก้ว ประทาน แม่บ้านของบริษัท จากนั้นเป็นจุดที่สอง ที่นายวันชัยเข้าไปนั่งคิดในห้องน้ำนานกว่า 10 นาที ว่า จะลงมือก่อเหตุดีหรือไม่ จากนั้นเป็นจุดที่สาม คือ ภายในบริษัทเกิดเหตุดังกล่าว โดยเริ่มจาก นายวันชัย ผลักประตูห้องเข้าไป ก็พบ น.ส.สุชาดา มั่นใจ เจ้าหน้าที่จัดซื้อของบริษัท น.ส.สุภาพร แก้วหนู เสมียนของบริษัท และ นายอนันต์ ผู้ตายนั่งอยู่
จากนั้น น.ส.สุชาดา มั่นใจ ก็ถามนายวันชัย ว่า มาทำอะไร ผู้ต้องหาจึงตอบว่า “เดี๋ยวมีเรื่องต้องเคลียร์กับนายอนันต์” จากนั้นก็เดินไปล็อกประตูห้องเอาไว้ ก่อนจะหันมาชักอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ขึ้นมาขู่ให้พนักงานสาวทั้งสองคน ลงไปหมอบที่พื้นด้านหลังห้อง แล้วเดินตรงไปหานายอนันต์ ก่อนใช้ปืนขู่บังคับผู้ตายให้หมอบลงกับพื้นเช่นเดียวกัน
นายวันชัย ให้การต่อว่า หลังจากนั้น ตนก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหามีด ซึ่งเป็นจังหวะเดียวที่นายอนันต์ พยายามจะลุกขึ้นมาจากพื้นห้อง ตนจึงเข้าไปล็อกคอจากด้านหลังแล้วใช้มีดปาดที่ลำคอจนนายอันนต์ เสียชีวิต จากนั้นก็เอาปืนตบศีรษะของ น.ส.สุชาดา แล้วเดินออกจากห้องตรงกลับไปที่ลิฟต์ แต่รอลิฟต์นาน เลยตัดสินใจเดินย้อนกลับมาที่บันไดหนีไฟ แล้วค่อยๆ เดินหลบหนีไป ระหว่างนั้นก็หักมีดทิ้งไว้ที่ลานจอดรถชั้น 3บี ก่อนจะลงไปที่ชั้นล่าง โดยตั้งใจว่าจะกลับไปเอารถที่ตนจอดไว้ที่หน้าปากซอย แต่ก็มาถูกจับเสียก่อน
ด้าน พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี จากการสอบสวนนายวันชัย คนร้าย ทำให้ทราบสาเหตุการฆ่าที่แน่ชัดแล้วว่า นายวันชัย ลงมือฆ่านายอนันต์ เพราะได้รับการว่าจ้างจากนายเคน ซึ่งได้รู้จักกันเมื่อ 3 ปี ก่อน ที่ย่านนานา เพราะทำธุรกิจค้าไม้หอมเหมือนกัน โดยหลังจากที่ได้รู้จักกัน นายวันชัย ก็ไปเป็นหนี้จากการค้าไม้หอมเกือบล้านบาท แต่ไม่ได้เป็นหนี้สินกับนายอนันต์ ผู้ตายแต่อย่างใด ก็ได้นำเรื่องไปเล่าให้นายเคนฟัง
โดยช่วงนั้น นายเคน ก็ได้ไปรู้จักกับหุ้นส่วนคนหนึ่งที่ทำธุรกิจร่วมกับผู้ตาย แต่ถูกผู้ตายโกงเงินไปหลายสิบล้านบาท จนทำให้โกรธแค้นมาก จึงมาว่าจ้าง นายวันชัย ให้เป็นมือสังหาร พร้อมให้ข้อเสนอจะชดใช้หนี้สินจากการค้าไม้หอมของนายวันชัยให้ พร้อมจ่ายเงินค่าจ้างให้อีก 400,000 บาท นายวันชัย จึงตัดสินใจรับงานโดยรับเงินงวดแรกมาแล้ว 40,000 บาท และหลังทำงานเสร็จ นายเคน จึงจะโอนเงินที่เหลือให้ จากนั้นก็พยายามติดตามดูนายอนันต์มาโดยตลอด จนสบโอกาสก่อเหตุ
พ.ต.อ.สมประสงค์ กล่าวด้วยว่า หลังก่อเหตุ นายวันชัย ได้หักมีดออกเป็น 2 ส่วน แล้วโยนแยกทิ้งตรงบันไดหนีไฟเพื่อทำลายหลักฐาน ซึ่งภายหลังตำรวจไปตามหาจนเจอ ส่วนการค้นห้องพักผู้ต้องหาพบเพียงหลักฐานการซื้อมีด และซิมการ์ดโทรศัพท์ของภรรยา ชาวอุดรธานี แต่จากการตรวจสอบแล้วยังไม่พบพิรุธ แต่อย่างใด ทั้งนี้ ได้ประสาน กก.สส.บก.น.5 ติดตามจับกุมตัว นายเคน เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงไปสู่คนจ้างวานที่แท้จริง โดยในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) พนักงานสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหาฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมคัดค้านการประกันตัวเพราะเป็นคดีที่โหดเหี้ยมทารุณ และเกรงว่าคนร้ายจะหลบหนี โดยไม่นำตัวกลับมาที่ สน.อีก
ด้าน พ.ต.อ. สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สืบสวน บก.น.5 กล่าาวว่า ภายหลังสอบสวนผู้ต้องหาสารภาพว่า ผู้ตายติดหนี้สินเรื่องค่าไม้หอมจำนวน 1 ล้านบาทเศษ จากการตรวจสอบข้อมูลแล้วไม่พบหลักฐานแต่อย่างใด แต่พบข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ นายมาร โชเฟอร์ขับรถสาธารณะรับจ้างที่ประเทศมาเลเซีย ได้แนะนำให้นายวันชัย รู้จักกับ นายเคน แขกซิกข์ ที่ทำธุรกิจไม้หอม จนมีความสนิทสนมกับนายวันชัย
โดย นายเคน บอกกับผู้ต้องหาว่า ญาติของตนที่มีหุ้นส่วนร่วมกับผู้ตาย ได้ถูกผู้ตายโกงเงินไปจำนวน 20 ล้านบาท จึงโกรธแค้น จึงจ้างนายเคนให้ฆ่าผู้ตายทิ้ง นายเคน จึงว่าจ้างนายวันชัย ด้วยเงินจำนวน 4 แสนบาท และจะใช้หนี้ที่ผู้ตายติดค้าค้างอีก 1 ล้านเศษ ให้หากฆ่านายอนันต์ สำเร็จ โดยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาให้เงินค่าตอบแทนล่วงหน้ามา 50,000 บาท โดยเงินจำนวนดังกล่าวนำไปซื้ออาวุธปืน รถจักรยานยนต์ และมีดที่ใช้ก่อเหตุ พร้อมอุปกรณ์อื่นๆ ส่วนนายเคน ยังไม่ทราบชื่อสกุลจริง อยู่ระหว่างสืบสวนจับกุม พร้อมผู้ว่าจ้างที่เป็นญาติกับนายเคน
สำหรับข้อมูลการทำธุรกิจของตระกูล สิงห์จิรกุล นั้น นายอนันต์ สิงห์จิรกุล ผู้อำนวยการ บริษัท ซามิราโน่ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์แนวเศรษฐกิจ ว่า พื้นฐานธุรกิจเดิม คือ ทำการค้าผ้า ในนามบริษัท เท็คทารา จำกัด มากว่า 10 ปี มีรายได้ปีละ 400-500 ล้านบาท แต่ขณะนี้ได้ชะลอธุรกิจดังกล่าวไว้ก่อน เนื่องจากว่าได้มีสินค้าจากประเทศจีนมาขายในราคาที่ต่ำกว่า ทำให้คู่ค้าหันไปสั่งสินค้าจากจีนแทน
ขณะเดียวกัน การส่งออกผ้าก็ประสบปัญหาเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ขาดทุน จึงต้องเลิกกิจการ แล้วหันเข้าหาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลตอบแทนสูงกว่า 30% โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของนายอนันต์ เริ่มต้นด้วยทุนจดทะเบียน 11 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มเป็น 111 ล้านบาท ในปัจจุบัน เพื่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งประเภทขาย และเช่าที่เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ ดิ แอลโคฟ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,040 ล้านบาท
ทวงเงิน 2 ล้านฆ่าปาดคอแขกเจ้าของโครงการพันล้าน!ตร.ปักใจฆ่าล้างหนี้มากกว่า