พ่อค้าขายไม้หอม บุกเดี่ยวแอบแฝงตัวเข้าสังหาร แขกเจ้าของโครงการที่พักหรูพันล้านย่านสุขุมวิทถึงที่พัก มีดปาดคอเลือดกระจาย เสียชีวิตคาที่ ก่อนหลบหนีแต่ไม่รอดถูก รปภ.จับกุมตัวส่ง ตร.สารภาพตั้งใจมาขู่ แต่ผู้ตายขัดขืนจึงก่อเหตุ อ้างแค้นที่ผู้ตายติดเงิน 2 ล้าน จากการซื้อไม้หอม บิดเบือนไม่ยอมจ่ายมา 1 ปี ด้าน ตร.ไม่ปักใจเชื่อว่าผู้ตายจะลงมือเพียงคนเดียว หลังตรวจสอบพบข้อความทางโทรศัพท์ส่งหาผู้ต้องหา ค้นหาหลักฐานเพิ่มก่อนขยายผลจับตัวผู้ร่วมขบวนการ
วันนี้ (12 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.50 น.ร.ต.อ.นพพร ปราชญ์กระโทก พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุชายถูกฆ่าตายอาคารสุขุมวิทสวีท ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตย เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ภิรมย์ จันทราภิรมย์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.ปิโยรส กัณหะสิริ สว.สส.เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี เจ้าหน้าที่กองสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลจุฬาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุภายในห้อง 19/69 ชั้น 9 ของอาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบศพ นายอนันต์ สิงห์จิรกุล อายุ 38 ปี ชาวไทย-ซิกข์ อยู่บ้านเลขที่ 213-213/1 สุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา เจ้าของบริษัท ซามิราโน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งย่านทองหล่อ ซอย 5, 10, 23 และสุขุมวิท 49 โครงการที่พักอาศัยระดับหรูราคาพันล้านบาท สภาพศพนอนหงายเสียชีวิตสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกปาดด้วยของมีคมเข้าที่ลำคอ จนหลอดลมและเส้นเลือดใหญ่ขาด เลือดกระจัดกระจายเต็มห้อง
นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยอีก 2 ราย คือ น.ส.สุชาดา มั่นใจ เจ้าหน้าที่จัดซื้อของบริษัท ถูกตีด้วยด้ามปืนเข้าที่ท้ายทอย และบริเวณหน้าผาก ส่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และน.ส.สุภาพร แก้วหนู อายุ 27 ปี เสมียนของบริษัท ได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือซ้ายถูกมีดบาด เจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลสมิติเวช
ขณะเดียวกัน รปภ.ซึ่งประจำอยู่ชั้นล่างของอาคารดังกล่าว และพลเมืองดีได้ช่วยกันจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ คือ นายวันชัย เจะเตะ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 227/49 หมู่ 4 ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง จ.ระนอง พ่อค้าขายไม้หอม ขณะกำลังวิ่งหลบหนีอยู่บริเวณกลางซอยสุขุมวิท 13 พร้อมของกลางอาวุธปืน .38 มม.จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 6 นัด และมีดพับ 1 เล่ม ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากที่ สน.ลุมพินี
จากการสอบสวน นางปิ่นแก้ว ประทาน อายุ 45 ปี แม่บ้านของบริษัทที่เกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นคนร้ายเดินอยู่บริเวณกลางชั้น 9 ซึ่งไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน และเพิ่งเห็นวันนี้เป็นวันแรก โดยคนร้ายทำทีเข้ามาถามว่า ห้องน้ำไปทางไหน เลยชี้บอกทางไปโดยไม่ได้สงสัยอะไร หลังจากนั้น ก็กลับไปทำงานตามปกติ สักพักก็เดินไปยืนพักผ่อนที่บริเวณทางออกบันไดหนีไฟ จากนั้นคนร้ายเดินมาขอทางเพื่อจะเดินออกไปบันไดหนีไฟ จึงหลบให้คนร้ายดินลงบันไดไป
นางปิ่นแก้ว กล่าวต่อว่า ขณะนั้นเองสามี ที่ทำงานเป็นแมสเซนเจอร์ของบริษัท ก็วิ่งขึ้นมาบอกว่าเห็นแมสเซนเจอร์ท่าทีมีพิรุธหรือไม่ เพราะเป็นคนร้ายทำร้ายนายอนันต์ จึงรีบออกไปดูที่บันไดหนีไฟ เห็นคนร้ายกำลังเดินลงบันไดหนีไฟไป เลยรีบตะโกนบอก รปภ.ให้ช่วยจับกุมตัวไว้ จากนั้นก็เข้าไปเคาะห้องเกิดเหตุ แต่ประตูล็อกอยู่ ก่อนที่ น.ส.สุภาพร เสมียนของบริษัทรีบออกมาเปิดประตู จึงเห็นว่า นายอนันต์ เสียชีวิตแล้ว
จากการสอบสวน นายวันชัย ให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่า ลงมือเพียงคนเดียว ไม่มีใครจ้าง ส่วนสาเหตุที่ทำลงไปก็เพราะโกรธแค้น เนื่องจากผู้ตายเคยว่าจ้างให้ตนไปซื้อไม้หอม จำพวกไม้กฤษณา จากทางภาคเหนือ ภาคใต้ และพม่า โดยตนเองต้องไปกู้เงินจากนายทุนมาประมาณเกือบ 2 ล้านบาท แล้วใช้เงินสดไปซื้อมา แต่เมื่อนำสินค้าส่งให้ผู้ตายไปแล้ว ผู้ตายกลับผลัดผ่อนไม่ยอมจ่ายเงิน มาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ทำให้ตนเองต้องหลบๆ ซ่อนๆ เจ้าหนี้มาตลอด
นายวันชัย กล่าวต่อว่า โดยก่อนเกิดเหตุตนตัดสินใจมาทวงหนี้ผู้ตายอีกครั้ง โดยไปซื้อปืนแบบลูกโม่ไทยประดิษฐ์ ขนาด.38 มาจากเพื่อนในราคา 30,000 บาท บรรจุกระสุนเต็มโม่ 6 นัด และอาวุธมีดพับ 1 เล่ม เพื่อตั้งใจมาขู่ผู้ตาย เมื่อมาถึงบริษัทก็ใช้ปืนขู่ให้ น.ส.สุชาดา และ น.ส.สุภาพร ที่อยู่ในห้องด้วยหมอบลง แล้วใช้มีดพับจี้คอผู้ตาย แต่ผู้ตายพยายามต่อสู้ขัดขืน ก็เลยใช้มีดปาดคอผู้ตายจนเสียชีวิต ก่อนจะเดินหนีออกจากห้องไป แต่ระหว่างนั้นแม่บ้านของบริษัทได้ตะโกนร้องให้รปภ.อาคารเข้าจับกุม ซึ่งตนเองก็ไม่มีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนด้วย จึงทำได้เพียงใช้ข่มขู่ ก่อนถูก รปภ.แย่งปืนไป
ด้าน พ.ต.อ.สมประสงค์ กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาว่าจะลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว เนื่องจากเงินที่ผู้ต้องหาอ้างว่านำไปซื้อไม้หอมนั้น มีจำนวนสูงถึงเกือบ 2 ล้านบาท และเป็นเงินสดด้วย จึงเชื่อว่าน่าจะมีคนบงการ อีกทั้งขณะที่กำลังสอบปากคำอยู่นั้น ก็ได้มีการส่งข้อความเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือผู้ต้องหาว่า “ภารกิจเสร็จสิ้นไหม” แต่พอเจ้าหน้าที่โทรกลับไปที่หมายเลขดังกล่าวก็ปิดเครื่องไปแล้ว
พ.ต.อ.สมประสงค์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นก็ได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนด้วยวิธีทารุณโหดร้าย, ทำร้ายร่างกายผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้มีเหตุอันควร โดยหลังจากนี้จะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปค้นที่บ้านพักย่านรามคำแหง ก่อนจะทำการขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป
มีรายงานว่า ล่าสุด ตำรวจชุดสืบสวนพบเบาะแสขบวนการของคนร้ายเพิ่ม โดยพบว่า นายแทน ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นพ่อค้าไม้หอมอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ เป็นหนี้นายอนันต์ ผู้ตายอยู่ถึง 20 ล้านบาท จึงอาจเป็นไปได้ว่า นายแทนจะส่งนายวันชัยมาเพื่อสังหารนายอนันต์เป็นการฆ่าล้างหนี้ มากกว่าที่จะให้นายวันชัยมาทวงหนี้ตามที่ได้นายวันชัยให้การกับตำรวจ
วันนี้ (12 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.50 น.ร.ต.อ.นพพร ปราชญ์กระโทก พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุชายถูกฆ่าตายอาคารสุขุมวิทสวีท ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตย เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ภิรมย์ จันทราภิรมย์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.ปิโยรส กัณหะสิริ สว.สส.เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี เจ้าหน้าที่กองสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลจุฬาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุภายในห้อง 19/69 ชั้น 9 ของอาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบศพ นายอนันต์ สิงห์จิรกุล อายุ 38 ปี ชาวไทย-ซิกข์ อยู่บ้านเลขที่ 213-213/1 สุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา เจ้าของบริษัท ซามิราโน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งย่านทองหล่อ ซอย 5, 10, 23 และสุขุมวิท 49 โครงการที่พักอาศัยระดับหรูราคาพันล้านบาท สภาพศพนอนหงายเสียชีวิตสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกปาดด้วยของมีคมเข้าที่ลำคอ จนหลอดลมและเส้นเลือดใหญ่ขาด เลือดกระจัดกระจายเต็มห้อง
นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยอีก 2 ราย คือ น.ส.สุชาดา มั่นใจ เจ้าหน้าที่จัดซื้อของบริษัท ถูกตีด้วยด้ามปืนเข้าที่ท้ายทอย และบริเวณหน้าผาก ส่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และน.ส.สุภาพร แก้วหนู อายุ 27 ปี เสมียนของบริษัท ได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือซ้ายถูกมีดบาด เจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลสมิติเวช
ขณะเดียวกัน รปภ.ซึ่งประจำอยู่ชั้นล่างของอาคารดังกล่าว และพลเมืองดีได้ช่วยกันจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ คือ นายวันชัย เจะเตะ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 227/49 หมู่ 4 ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง จ.ระนอง พ่อค้าขายไม้หอม ขณะกำลังวิ่งหลบหนีอยู่บริเวณกลางซอยสุขุมวิท 13 พร้อมของกลางอาวุธปืน .38 มม.จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 6 นัด และมีดพับ 1 เล่ม ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากที่ สน.ลุมพินี
จากการสอบสวน นางปิ่นแก้ว ประทาน อายุ 45 ปี แม่บ้านของบริษัทที่เกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นคนร้ายเดินอยู่บริเวณกลางชั้น 9 ซึ่งไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน และเพิ่งเห็นวันนี้เป็นวันแรก โดยคนร้ายทำทีเข้ามาถามว่า ห้องน้ำไปทางไหน เลยชี้บอกทางไปโดยไม่ได้สงสัยอะไร หลังจากนั้น ก็กลับไปทำงานตามปกติ สักพักก็เดินไปยืนพักผ่อนที่บริเวณทางออกบันไดหนีไฟ จากนั้นคนร้ายเดินมาขอทางเพื่อจะเดินออกไปบันไดหนีไฟ จึงหลบให้คนร้ายดินลงบันไดไป
นางปิ่นแก้ว กล่าวต่อว่า ขณะนั้นเองสามี ที่ทำงานเป็นแมสเซนเจอร์ของบริษัท ก็วิ่งขึ้นมาบอกว่าเห็นแมสเซนเจอร์ท่าทีมีพิรุธหรือไม่ เพราะเป็นคนร้ายทำร้ายนายอนันต์ จึงรีบออกไปดูที่บันไดหนีไฟ เห็นคนร้ายกำลังเดินลงบันไดหนีไฟไป เลยรีบตะโกนบอก รปภ.ให้ช่วยจับกุมตัวไว้ จากนั้นก็เข้าไปเคาะห้องเกิดเหตุ แต่ประตูล็อกอยู่ ก่อนที่ น.ส.สุภาพร เสมียนของบริษัทรีบออกมาเปิดประตู จึงเห็นว่า นายอนันต์ เสียชีวิตแล้ว
จากการสอบสวน นายวันชัย ให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่า ลงมือเพียงคนเดียว ไม่มีใครจ้าง ส่วนสาเหตุที่ทำลงไปก็เพราะโกรธแค้น เนื่องจากผู้ตายเคยว่าจ้างให้ตนไปซื้อไม้หอม จำพวกไม้กฤษณา จากทางภาคเหนือ ภาคใต้ และพม่า โดยตนเองต้องไปกู้เงินจากนายทุนมาประมาณเกือบ 2 ล้านบาท แล้วใช้เงินสดไปซื้อมา แต่เมื่อนำสินค้าส่งให้ผู้ตายไปแล้ว ผู้ตายกลับผลัดผ่อนไม่ยอมจ่ายเงิน มาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ทำให้ตนเองต้องหลบๆ ซ่อนๆ เจ้าหนี้มาตลอด
นายวันชัย กล่าวต่อว่า โดยก่อนเกิดเหตุตนตัดสินใจมาทวงหนี้ผู้ตายอีกครั้ง โดยไปซื้อปืนแบบลูกโม่ไทยประดิษฐ์ ขนาด.38 มาจากเพื่อนในราคา 30,000 บาท บรรจุกระสุนเต็มโม่ 6 นัด และอาวุธมีดพับ 1 เล่ม เพื่อตั้งใจมาขู่ผู้ตาย เมื่อมาถึงบริษัทก็ใช้ปืนขู่ให้ น.ส.สุชาดา และ น.ส.สุภาพร ที่อยู่ในห้องด้วยหมอบลง แล้วใช้มีดพับจี้คอผู้ตาย แต่ผู้ตายพยายามต่อสู้ขัดขืน ก็เลยใช้มีดปาดคอผู้ตายจนเสียชีวิต ก่อนจะเดินหนีออกจากห้องไป แต่ระหว่างนั้นแม่บ้านของบริษัทได้ตะโกนร้องให้รปภ.อาคารเข้าจับกุม ซึ่งตนเองก็ไม่มีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนด้วย จึงทำได้เพียงใช้ข่มขู่ ก่อนถูก รปภ.แย่งปืนไป
ด้าน พ.ต.อ.สมประสงค์ กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาว่าจะลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว เนื่องจากเงินที่ผู้ต้องหาอ้างว่านำไปซื้อไม้หอมนั้น มีจำนวนสูงถึงเกือบ 2 ล้านบาท และเป็นเงินสดด้วย จึงเชื่อว่าน่าจะมีคนบงการ อีกทั้งขณะที่กำลังสอบปากคำอยู่นั้น ก็ได้มีการส่งข้อความเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือผู้ต้องหาว่า “ภารกิจเสร็จสิ้นไหม” แต่พอเจ้าหน้าที่โทรกลับไปที่หมายเลขดังกล่าวก็ปิดเครื่องไปแล้ว
พ.ต.อ.สมประสงค์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นก็ได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนด้วยวิธีทารุณโหดร้าย, ทำร้ายร่างกายผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้มีเหตุอันควร โดยหลังจากนี้จะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปค้นที่บ้านพักย่านรามคำแหง ก่อนจะทำการขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป
มีรายงานว่า ล่าสุด ตำรวจชุดสืบสวนพบเบาะแสขบวนการของคนร้ายเพิ่ม โดยพบว่า นายแทน ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นพ่อค้าไม้หอมอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ เป็นหนี้นายอนันต์ ผู้ตายอยู่ถึง 20 ล้านบาท จึงอาจเป็นไปได้ว่า นายแทนจะส่งนายวันชัยมาเพื่อสังหารนายอนันต์เป็นการฆ่าล้างหนี้ มากกว่าที่จะให้นายวันชัยมาทวงหนี้ตามที่ได้นายวันชัยให้การกับตำรวจ