“วรพงษ์” นำ “เอสเอ็มเอส” มาใช้ตรวจจับบุคคล หรือรถต้องสงสัยในการตรวจสอบข้อมูลหมายจับ-รถยนต์ที่ถูกโจรกรรม โดยเสียค่าทำเซิร์ฟเวอร์ให้เอกชน 3 แสนบาท แต่คุ้มค่ามีข้อมูลเป็นฐานใช้ทั่วประเทศ คาดลดปัญหาจำนวนรถสูญหาย โวบช.ภ.7 ใช้เอสเอ็มเอสตามจับผู้ต้องหาได้ 1,105 ราย คดีอุกฉกรรจ์ 68 คดี ลัก จยย. 88 คัน และรถยนต์ 3 คัน
วันนี้ (7 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. เป็นประธานเปิดโครงการ “SHORT MASSAGE SERVICE (SMS)” มาใช้ในการตรวจสอบข้อมูลหมายจับและรถยนต์ที่ถูกโจรกรรม โดยมีตำรวจระดับรอง ผบก.ลงไป รวมทั้งฝ่ายสืบสวน ฝ่ายป้องกันปราบปรามและจราจร เข้าร่วมรับฟังการอบรมการใช้
พล.ต.ต.วิบูลย์กล่าวว่า เมื่อตำรวจพบเจอรถหรือบุคคลต้องสงสัยก็สามารถตรวจสอบได้เลย โดยเราต้องเสียเงินให้กับทางบริษัทมาทำเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 3 แสนบาท โดยตามข้อมูลที่ใช้เป็นฐานทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องตรวจสอบด้วยว่าบางครั้งมีการจับแล้วแต่พนักงานสอบสวนไม่ได้ถอนหมายจับ ในส่วนนี้จึงต้องทำการตรวจสอบอีกครั้งกับทาง สน. เชื่อว่าเมื่อทำแล้วจะสามารถจับผู้ต้องหาได้มากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องรถหายที่สถิติสูง ซึ่งทดลองมาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา สามารถจับได้ 5 ราย
สำหรับโครงการนี้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.ได้นำโครงการ SMS จาก บช.ภ.7 มาใช้ ซึ่งตำรวจที่ใช้จะต้องนำซิมการ์ดที่ได้รับแจกและลงทะเบียนกับทาง ศทส.บช.น. แล้ว ไปใช้ในการตรวจสอบโดยใช้ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัว 13 หลัก ทะเบียนรถ และตัวถังรถ เพื่อตรวจสอบบุคคลหรือรถต้องสงสัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อมูลของ บช.ภ.7 ที่ใช้เอสเอ็มเอสตั้งแต่มีนาคม 2550 สามารถจับผู้ต้องหาคดีต่างๆ ได้ 1,105 ราย คดีอุกฉกรรจ์ 68 คดี จักรยานยนต์ 88 คัน และรถยนต์ 3 คัน
