กองปราบหิ้ว ผช.ผจก.แบงก์ ธอส.แสบ ลักเงินกว่า 300 ล้าน เข้ากระเป๋าฝากขังศาล ค้านประกัน เกรงจะไปทำลายหลักฐาน ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก
วันนี้ (2 พ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อ เวลา 10.30 น.พ.ต.ต.มโนชญ์ สวนดอกไม้ พนักงานสอบสวน สบ 2 กองปราบปราม ได้นำตัว นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 538 ถ.ลาดพร้าว แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กทม. ผช.ผจก. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สาขาเซ็นต์หลุยส์ 3 ผู้ต้องหาคดี ลักทรัพย์, ทรัพย์นายจ้าง มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก
โดยระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2552 เจ้าหน้าที่ฝ่ายการธนาคาร ธอส.ตรวจพบข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝากของผู้ต้องหาผิดปกติ ในวันที่ 28-29 เม.ย.จึงตรวจสอบที่มาของเงิน พบว่า เป็นวิธีการโอนเงินทางอิเลกทรอนิกส์ จากบัญชีดอกเบี้ยจ่ายประเภทเงินฝากของ ธอส.สำนักงานใหญ่ ไปเข้าบัญชีออมทรัพย์ของผู้ต้องหา ตามบัญชีเงินฝากต่างธนาคาร
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาใช้รหัสประจำตัวเป็นผู้ถอนเงินดังกล่าวเบื้องต้น พบว่า ผู้ต้องหาได้ลักเอาทรัพย์ของ ธอส.ไปเป็นของตัวเองจำนวน 322,320,223.86 บาท ทำให้ ธอส.ได้รับความเสียหาย จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้ จับกุมผู้ต้องหาได้ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1205/2552 ลงวันที่ 1 พ.ค.52 แจ้งข้อหา ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรืออยู่ในความครอบครองของนายจ้างตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(11) ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
บัดนี้พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาจนจะครบ 48 ชม.ในวันที่ 3 พ.ค.ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ แต่พนักงานสอบสวนยังจะต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 8 ปาก รอผลตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหา และอื่นๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้ 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-13 พ.ค.2552
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก และยังได้เงินบางส่วนไม่ครบถ้วน อาจซุกซ่อนอยู่ หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะทำลายหลักฐาน หรือ ถ่ายเททรัพย์สินไปที่อื่น
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้.
อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์คำร้องและหลักทรัพย์แล้ว เห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีมูลค่าความเสียหาย และทรัพย์สินหลายร้อยล้านบาท หากปล่อยตัวชั่วคราวเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงให้ยกคำร้อง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายสมเกียรติขึ้นรถไปควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
วันนี้ (2 พ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อ เวลา 10.30 น.พ.ต.ต.มโนชญ์ สวนดอกไม้ พนักงานสอบสวน สบ 2 กองปราบปราม ได้นำตัว นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 538 ถ.ลาดพร้าว แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กทม. ผช.ผจก. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สาขาเซ็นต์หลุยส์ 3 ผู้ต้องหาคดี ลักทรัพย์, ทรัพย์นายจ้าง มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก
โดยระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2552 เจ้าหน้าที่ฝ่ายการธนาคาร ธอส.ตรวจพบข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝากของผู้ต้องหาผิดปกติ ในวันที่ 28-29 เม.ย.จึงตรวจสอบที่มาของเงิน พบว่า เป็นวิธีการโอนเงินทางอิเลกทรอนิกส์ จากบัญชีดอกเบี้ยจ่ายประเภทเงินฝากของ ธอส.สำนักงานใหญ่ ไปเข้าบัญชีออมทรัพย์ของผู้ต้องหา ตามบัญชีเงินฝากต่างธนาคาร
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาใช้รหัสประจำตัวเป็นผู้ถอนเงินดังกล่าวเบื้องต้น พบว่า ผู้ต้องหาได้ลักเอาทรัพย์ของ ธอส.ไปเป็นของตัวเองจำนวน 322,320,223.86 บาท ทำให้ ธอส.ได้รับความเสียหาย จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้ จับกุมผู้ต้องหาได้ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1205/2552 ลงวันที่ 1 พ.ค.52 แจ้งข้อหา ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรืออยู่ในความครอบครองของนายจ้างตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(11) ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
บัดนี้พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาจนจะครบ 48 ชม.ในวันที่ 3 พ.ค.ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ แต่พนักงานสอบสวนยังจะต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 8 ปาก รอผลตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหา และอื่นๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้ 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-13 พ.ค.2552
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก และยังได้เงินบางส่วนไม่ครบถ้วน อาจซุกซ่อนอยู่ หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะทำลายหลักฐาน หรือ ถ่ายเททรัพย์สินไปที่อื่น
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้.
อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์คำร้องและหลักทรัพย์แล้ว เห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีมูลค่าความเสียหาย และทรัพย์สินหลายร้อยล้านบาท หากปล่อยตัวชั่วคราวเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงให้ยกคำร้อง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายสมเกียรติขึ้นรถไปควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
