กลุ่มชายฉกรรจ์ 50 คน แบ่งกลุ่มทำร้ายทะเลาะ โต้เถียง แย่งกรรมสิทธิ์เช่าพื้นที่ใต้ทางด่วนแยก กม.11 ตร.นำตัวชายต้องสงสัย 6 คน สอบปากคำ หลังตรวจพบปืน เอ็ม 16-กระสุน-มีด โดยทำประวัติถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนำอาวุธปืน เอ็ม 16 ที่ยึดได้ส่งกองพลาธิการและสรรพาวุธ ตรวจสอบว่าใช้การได้หรือไม่ และมีใช้งานผ่านการยิงมาแล้วหรือยัง ชี้ สาเหตุเกิดจากความขัดแย้งของกลุ่มเอกชน 2 ฝ่ายที่พยายามเข้าครอบครองพื้นที่
วันนี้ (25 เม.ย.) เมื่อเวลา 04.00 น.ร.ต.อ.โกมล รุธิรบริสุทธิ์ รอง สวป.สน.บางซื่อ รับแจ้งมีเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์ กำลังยกพวกรุมทำร้ายกัน บริเวณใต้ทางด่วนกำแพงเพชร 2 ฝั่งตรงข้ามสถานีขนส่งหมอชิต ถนนกำแพงเพชร 2 แขวง-เขตจตุจักร กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.พาติกรณ์ ศรชัย สวป.สน.บางซื่อ และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนปราบปราม
ที่เกิดเหตุพบกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 50 คน โดยแบ่งกลุ่มกันยืนโต้เถียงกันอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าระงับเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนนำตัวชายฉกรรจ์ ทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วย จ.ส.อ.รุ่งโรจน์ แสงใส อายุ 39 ปีทหารกองบัญชาการช่วยรบ ค่ายสุธรรรมพิทักษ์ สังกัด ทบ. ส.อ.รดิภัทร์ จรัสดี อายุ 36 ปี ทหารไม่ทราบสังกัด นายทรงธรรม โสนรินทร์ อายุ 26 ปี นายทรงฤทธิ์ วรรณภูษา อายุ 34 ปี นายประธาน อาจวิชัย อายุ 41 ปี และนายธานินทร์ ถาพันนา อายุ 31 ปี พร้อมยึดอาวธุปืน เอ็ม 16 เอ 1 สีดำ ติดเครื่องเก็บเสียง และลำกล้องเล็งเป้า จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุน 39 นัด แม็กกาซีนเปล่าขนาดบรรจุ 30 นัด 2 แม็ก อาวุธมีด 1 เล่ม ก่อนนำตัวชายฉกรรจ์ทั้งหมดมาสอบสวน
ด้าน นายมานพ นครจินดา อายุ 40 ปี กล่าวว่า ตนทำกิจการรูปแบบบริษัทแห่งหนึ่ง โดยมีนายทหารระดับเสธ.นายหนึ่งเป็นที่ปรึกษาโดยได้รับกรรมสิทธิ์เช่าพื้นที่ดินบริเวณใต้ทางด่วน ช่วงระหว่าง แยก กม.11-ทางขึ้นทางด่วน ต่อจากการรถไฟแห่งประเทศไทย จากนั้นตนมาปรับปรุงพื้นผิวและได้ให้ร้านค้าเช่าขายสินค้าพื้นที่ดังกล่าวโดยปล่อยให้บริษัทรถโดยสาร บขส.และรถตู้โดยสารดำเนินการเช่าพื้นที่จอดรถ
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.มีคู่กรณีทราบชื่อ นายชัยสิทธิ์ ไม่ทราบนามสกุล พาชายฉกรรจ์มาจำนวนหนึ่ง มาขับไล่ไม่ให้ผู้ขับรถโดยสาร มาจอดอ้างว่าได้รับกรรมสิทธิ์เช่นกันขอให้ออกนอกพื้นที่ เมื่อตนทราบจึงเดินทางมาโดยมีกลุ่มผู้ขับรถโดยสารที่อยู่บริเวรดังกล่าวจำนวนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ ต่างไม่พอใจ จึงปิดล้อมกลุ่มนายชัยสิทธิ์ และพวกไว้ ระหว่างนั้นเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสะพายกระเป๋าเป้ ซึ่งเป็นฝ่ายเดียวกับนายชัยสิทธิ์ เชื่อว่าน่าจะมีอาวุธมาเตรียมก่อเหตุจึงเข้าแย่งกระเป๋าจากหญิงคนดังกล่าวได้จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวได้วิ่งหนีขึ้นรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีเข้ม ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน หลบหนีไป เมื่อตรวจสอบในกระเป๋าพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนดังกล่าว
พ.ต.ท.พาติกรณ์ กล่าวว่า จากการสอบสวน กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมด 6 คน ต่างให้การปฎิเสธว่าอาวุธปืนที่ยึดมานั้น ไม่ใช่กลุ่มของตน และไม่ทราบว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของผู้ใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมด 6 คน ไปทำประวัติถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนำอาวุธปืน เอ็ม 16 ที่ยึดมาได้ส่งกองพลาธิการและสรรพาวุธ (พธ.) ตรวจสอบว่าอาวุธปืนดังกล่าวสามารถใช้การได้หรือไม่ และตรวจสอบว่ามีใช้งานผ่านการยิงมาแล้วหรือยัง ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เกิดจากความขัดแย้งของกลุ่มเอกชนทั้ง 2 ฝ่ายที่พยายามเข้าครอบครองพื้นที่จอดรถดังกล่าว จนเกิดการระหองระแหง มีปัญหาขัดแย้งกันมานาน จนกระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว
วันนี้ (25 เม.ย.) เมื่อเวลา 04.00 น.ร.ต.อ.โกมล รุธิรบริสุทธิ์ รอง สวป.สน.บางซื่อ รับแจ้งมีเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์ กำลังยกพวกรุมทำร้ายกัน บริเวณใต้ทางด่วนกำแพงเพชร 2 ฝั่งตรงข้ามสถานีขนส่งหมอชิต ถนนกำแพงเพชร 2 แขวง-เขตจตุจักร กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.พาติกรณ์ ศรชัย สวป.สน.บางซื่อ และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนปราบปราม
ที่เกิดเหตุพบกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 50 คน โดยแบ่งกลุ่มกันยืนโต้เถียงกันอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าระงับเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนนำตัวชายฉกรรจ์ ทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วย จ.ส.อ.รุ่งโรจน์ แสงใส อายุ 39 ปีทหารกองบัญชาการช่วยรบ ค่ายสุธรรรมพิทักษ์ สังกัด ทบ. ส.อ.รดิภัทร์ จรัสดี อายุ 36 ปี ทหารไม่ทราบสังกัด นายทรงธรรม โสนรินทร์ อายุ 26 ปี นายทรงฤทธิ์ วรรณภูษา อายุ 34 ปี นายประธาน อาจวิชัย อายุ 41 ปี และนายธานินทร์ ถาพันนา อายุ 31 ปี พร้อมยึดอาวธุปืน เอ็ม 16 เอ 1 สีดำ ติดเครื่องเก็บเสียง และลำกล้องเล็งเป้า จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุน 39 นัด แม็กกาซีนเปล่าขนาดบรรจุ 30 นัด 2 แม็ก อาวุธมีด 1 เล่ม ก่อนนำตัวชายฉกรรจ์ทั้งหมดมาสอบสวน
ด้าน นายมานพ นครจินดา อายุ 40 ปี กล่าวว่า ตนทำกิจการรูปแบบบริษัทแห่งหนึ่ง โดยมีนายทหารระดับเสธ.นายหนึ่งเป็นที่ปรึกษาโดยได้รับกรรมสิทธิ์เช่าพื้นที่ดินบริเวณใต้ทางด่วน ช่วงระหว่าง แยก กม.11-ทางขึ้นทางด่วน ต่อจากการรถไฟแห่งประเทศไทย จากนั้นตนมาปรับปรุงพื้นผิวและได้ให้ร้านค้าเช่าขายสินค้าพื้นที่ดังกล่าวโดยปล่อยให้บริษัทรถโดยสาร บขส.และรถตู้โดยสารดำเนินการเช่าพื้นที่จอดรถ
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.มีคู่กรณีทราบชื่อ นายชัยสิทธิ์ ไม่ทราบนามสกุล พาชายฉกรรจ์มาจำนวนหนึ่ง มาขับไล่ไม่ให้ผู้ขับรถโดยสาร มาจอดอ้างว่าได้รับกรรมสิทธิ์เช่นกันขอให้ออกนอกพื้นที่ เมื่อตนทราบจึงเดินทางมาโดยมีกลุ่มผู้ขับรถโดยสารที่อยู่บริเวรดังกล่าวจำนวนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ ต่างไม่พอใจ จึงปิดล้อมกลุ่มนายชัยสิทธิ์ และพวกไว้ ระหว่างนั้นเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสะพายกระเป๋าเป้ ซึ่งเป็นฝ่ายเดียวกับนายชัยสิทธิ์ เชื่อว่าน่าจะมีอาวุธมาเตรียมก่อเหตุจึงเข้าแย่งกระเป๋าจากหญิงคนดังกล่าวได้จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวได้วิ่งหนีขึ้นรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีเข้ม ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน หลบหนีไป เมื่อตรวจสอบในกระเป๋าพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนดังกล่าว
พ.ต.ท.พาติกรณ์ กล่าวว่า จากการสอบสวน กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมด 6 คน ต่างให้การปฎิเสธว่าอาวุธปืนที่ยึดมานั้น ไม่ใช่กลุ่มของตน และไม่ทราบว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของผู้ใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมด 6 คน ไปทำประวัติถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนำอาวุธปืน เอ็ม 16 ที่ยึดมาได้ส่งกองพลาธิการและสรรพาวุธ (พธ.) ตรวจสอบว่าอาวุธปืนดังกล่าวสามารถใช้การได้หรือไม่ และตรวจสอบว่ามีใช้งานผ่านการยิงมาแล้วหรือยัง ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เกิดจากความขัดแย้งของกลุ่มเอกชนทั้ง 2 ฝ่ายที่พยายามเข้าครอบครองพื้นที่จอดรถดังกล่าว จนเกิดการระหองระแหง มีปัญหาขัดแย้งกันมานาน จนกระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว