กองปราบตามรวบ 2 แท็กซี่ใจโหดฆ่ายกครัว 5 ศพได้แล้ว ใช้เวลาแกะรอยจากโทรศัพท์มือถือของผู้ตายที่คนร้ายนำไปขาย เรียกตัวมาแยกสอบเครียดก่อนรับสารภาพ แฉนาทีลงมือปลิดชีวิตยกครัวอย่างเลือดเย็น ประวัติสุดโฉดเคยติดคุก-ฆ่าคนตาย แถมมีหนี้สินจำนวนมาก ด้าน ตร.ยังไม่ปักใจเชื่อ ระบุ อาจเป็นการฆ่าล้างหนี้ หลังพบข้อมูลผู้ตายทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์-เงินกู้ เกือบร้อยล้าน
วันนี้ (19 เม.ย.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ผบก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1ป.พ.ต.ท.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผกก.1ป.พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ช่วยราชการ รอง ผกก.บก.ป. พ.ต.ต.สุทธิเวท บุญยรัตกลิน พ.ต.ต.ธีรภัทร์ ธารีไทย พ.ต.ต.อดิเรก จิตรานันท์ สว.กก.1 บก.ป.ร.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ และ ร.ต.อ.สิทธิชัย การินทร์ รอง สว.กก.1บก.ป.จับกุม นายวันชัย หรือ จ่าแดง อ้นปันส์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 ซอยเทิดไท 42 แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กทม.และ นายปริทรรศ หรือ กี นุ่มน้อย อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/145 หมู่ 4 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กทม.ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 687/2552 ลงวันที่ 18 เม.ย.ข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธปืนและมีดเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือรับของโจร, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุฆ่ายกครัว 5 ศพ หมกในบ้านพักภายในซอยโพธิ์แก้ว 3 แยก 23 ถนนนวมินทร์ ซอย 111 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.โดยผู้เสียชีวิตประกอบด้วย นายธนายศ ปทุมวาสนา อายุ 52 ปี เจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์และนักธุรกิจจัดสรรที่ดิน นางกนกกาญจน์ โพธิ์ทอง อายุ 48 ปี ภรรยา น.ส.ศศิมา ปทุมวาสนา อายุ 17 ปี นายธนวัฒน์ ปทุมวาสนา หรือ กอล์ฟ อายุ 15 ปี บุตร และ นางสำรอง บัวแก้ว อายุ 47 ปี สาวใช้ เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 5388 ซอยโพธิ์แก้ว 3 แยก 23 ถนนนวมินทร์ ซอย 111 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.ซึ่งทั้งหมดเสียชีวิตมาหลายวันแล้ว
ต่อมากองปราบปรามสืบสวนจนทราบว่า มีผู้ต้องหาทั้ง 2 มีอาชีพขับรถแท็กซี่ นอกจากนี้ ยังติดการพนัน มีหนี้สินจำนวนมาก นอกจากนี้ นายวันชัย เคยต้องคดีปล้นทรัพย์มาแล้ว ส่วนนายปริทรรศ เคยต้องคดีฆ่าคนตายจนถูกจับติดคุก แต่พ้นโทษออกมาไม่นาน หลังก่อเหตุผู้ต้องสงสัยได้นำโทรศัพท์มือถือของ นางกนกกาญจน์ เหยื่อสังหาร ไปขาย ชุดสืบสวนจึงพยายามติดตามตัวมาดำเนินการสอบสวน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา
จากนั้นเจ้าหน้าที่สืบสวน ทราบว่า นอกจากจะมีบ้านพักตามบัตรประชาชนแล้ว ทั้ง 2 ยังเช่าอพาร์ตเมนต์ไม่มีชื่อ ห้องเลขที่ 44 ชั้น 4 ซอยทุ่งมังกร 7 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม.ไว้ด้วย จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ พบ นายวันชัย หรือ แดง และ นายปริทรรศ เดินทางกลับเข้ามาที่อพาร์ตเมนต์พอดี จึงแสดงตัวว่าเป็นตำรวจกองปราบ และเชิญตัวมาสอบสวนยังกองปราบปราม
จากการตรวจค้นภายในห้องยังพบของกลางในคดีอีกจำนวน 43 รายการ เช่น เครื่องช็อตไฟฟ้า ถุงมือยาง อุปกรณ์การงัดแงะ และภายในไดอารี่เล่นหนึ่งพบกระดาษที่วาดแผนที่บ้านพักของผู้ตาย จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน โดยชุดสืบสวนแยกสอบสวนสอบปากคำผู้ต้องสงสัยอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลาหลายชั่วโมง จน นายปริทรรศ เปิดปากให้การรับสารภาพอย่างหมดเปลือก ว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย.เวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ นายวันชัย ชักชวนให้มาชิงทรัพย์ที่บ้านหลังเกิดเหตุ บอกว่า มีเงินในตู้เซฟเป็นล้านบาท โดยนั่งแท็กซี่เข้าไป นายวันชัย มีปืนเป็นอาวุธ ส่วนตนใช้อาวุธมีด เมื่อถึงหน้าบ้าน นายวันชัย กดกริ่ง นางสำรอง สาวใช้มาดู นายวันชัยบอกว่า “มาหาเฮีย” นางสำรอง จึงเปิดประตูรับทันที
นายปริทรรศ กล่าวต่อว่า เมื่อเข้าไปในบริเวณบ้าน นายวันชัย ใช้ปืนจี้ล็อกตัว นางสำรอง ไปที่ห้องพัก แล้วมัดมือมัดเท้าไว้ในห้องคนใช้ และบีบคอจนเสียชีวิต จากนั้นพากันขึ้นไปเคาะประตูห้องนอนชั้น 2 ของ นายธนวัฒน์ พบประตูเปิดอยู่ นายวันชัย จึงใช้ด้ามปืนตีไปที่ศรีษะ 1 ครั้ง แล้วจับมัดมือมัดเท้าทิ้งไว้ในห้อง หลังจากนั้น หันกลับไปเคาะประตูห้องนอนฝั่งตรงข้ามของ น.ส.ศศิมา พอเหยื่อเปิดประตู นายวันชัย ชักปืนจี้เพื่อข่มขู่ แต่ปรากฏว่า น.ส.ศศิมา ต่อสู้ นายวันชัย จึงยิงใส่ 1 นัด จนล้มฟุบเสียชีวิต
หลังจากจัดการกับเหยื่อ 3 รายแล้ว นายวันชัย บอกกับตนว่า “รอก่อนเดี๋ยวเฮียก็กลับมาแล้ว” จึงพากันมาซุ่มรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง นายธนายศ ก็ขับรถกลับเข้ามาในบ้าน พร้อมกับนางกนกกาญจน์ โดยที่เหยื่อทั้ง 2 ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นายวันชัย พุ่งเข้าไปเอาปืนจี้นายธนายศ เข้าไปในบ้าน จากนั้นได้ยินเสียงดังโครมครามเหมือนมีการต่อสู้แล้วได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด จากนั้น นายวันชัย จึงเดินออกมา ขณะที่ตนยืนคุมเชิง นางกนกกาญจน์ อยู่ พร้อมกับทำร้าย นางกนกกาญจน์ โดยการบีบคอเพื่อข่มขู่ให้บอกที่ซ่อนตู้เซฟ พร้อมกับจับมัด แต่นางกนกกาญจน์ อ้างว่า นายธนายศ รู้เพียงคนเดียว นายวันชัย โมโหจึงบีบคอจนเสียชีวิตคามือแล้วจึงกลับขึ้นไปบีบคอนายธนวัฒน์ จนเสียชีวิตภายในห้องพักชั้นสอง” นายปริทรรศ กล่าว
นายปริทรรศ กล่าวอีกว่า หลังจากสังหารเหยื่อจนหมดแล้ว จึงลงมือค้นหาทรัพย์สินได้เงินสดประมาณ 2 หมื่นบาท โทรศัพท์มือถือและของมีค่าจำนวนหนึ่ง นายวันชัย ได้หยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและยกตัวซีพียูของคอมพิวเตอร์ในบ้านของนายธนายศไปด้วย โดย นายวันชัย สั่งให้ขับรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ท สีขาว ทะเบียน ชณ 8535 กทม.ของ นายธนายศ หนีออกมาแล้วสั่งให้ตนนำไปทิ้งไว้ที่พื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
หลังได้คำรับสารภาพของ นายปริทรรศ ชุดสืบสวนกองปราบปรามรีบประสานไปยัง ร.ต.อ.ธานี จิตธรรม พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว พร้อมกับส่งคำให้การรับสารภาพและหลักฐานทั้งหมดไปให้เพื่อดำเนินการขอหมายอนุมัติจับกับศาลอาญา โดยจับกุม นายปริทรรศ เมื่อได้รับหมายจับกุม นายปริทรรศ และ นายวันชัย ที่ยังปิดปากเงียบ ชุดสืบสวนกองปราบปราม ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 เดินทางไปยังบ้านเกิดเหตุ เลขที่ 5388 ซอยโพธิ์แก้ว3 แยก 23 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.เพื่อจุดธูปขอขมาศพเหยื่อทั้ง 5 ตามคำขอของนายปริทรรศ โดยนัดหมายให้พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว มารับตัวผู้ต้องหาพร้อมหลักฐานสำคัญจำนวนมากที่บ้านเกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ชุดสืบสวนกองปราบปรามยังไม่เชื่อคำให้การของ นายปริทรรศ ทั้งหมด เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับ นายธนายศ นอกจากจะทำธุรกิจโรงงานขายเฟอร์นิเจอร์แล้ว ยังปล่อยเงินกู้และรับจำนำที่ดินไว้เป็นจำนวนมาก บางรายมีมูลค่าเกือบร้อยล้านบาท ถ้าประเด็นนี้อาจจะเป็นการฆ่าล้างหนี้เงินกู้ก็เป็นได้ นอกจากนี้ ชุดสืบสวนยังสงสัยว่าข้อมูลในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและในเครื่องซีพียูที่นายวันชัย ผู้ต้องหาที่ยังไม่เปิดปากให้การรับสารภาพนำไปด้วยในวันเกิดเหตุ มีข้อมูลลับทางธุรกิจของนายธนายศอยู่มากน้อยแค่ไหน และในวันเกิดเหตุ นายวันชัย ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์
รวบ 2 แท็กซี่ฆาตกรใจโหดฆ่ายกครัว 5 ศพ
ตร.ตั้ง 5 ปมสังหาร แบ่งงานสางคดีฆ่ายกครัว 5 ศพ
สุดโหด !!! ฆ่ายกครัว 5 ศพ เจ้าของโรงงานเฟอนิเจอร์ขึ้นอืดคาบ้าน
วันนี้ (19 เม.ย.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ผบก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1ป.พ.ต.ท.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผกก.1ป.พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ช่วยราชการ รอง ผกก.บก.ป. พ.ต.ต.สุทธิเวท บุญยรัตกลิน พ.ต.ต.ธีรภัทร์ ธารีไทย พ.ต.ต.อดิเรก จิตรานันท์ สว.กก.1 บก.ป.ร.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ และ ร.ต.อ.สิทธิชัย การินทร์ รอง สว.กก.1บก.ป.จับกุม นายวันชัย หรือ จ่าแดง อ้นปันส์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 ซอยเทิดไท 42 แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กทม.และ นายปริทรรศ หรือ กี นุ่มน้อย อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/145 หมู่ 4 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กทม.ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 687/2552 ลงวันที่ 18 เม.ย.ข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธปืนและมีดเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือรับของโจร, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุฆ่ายกครัว 5 ศพ หมกในบ้านพักภายในซอยโพธิ์แก้ว 3 แยก 23 ถนนนวมินทร์ ซอย 111 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.โดยผู้เสียชีวิตประกอบด้วย นายธนายศ ปทุมวาสนา อายุ 52 ปี เจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์และนักธุรกิจจัดสรรที่ดิน นางกนกกาญจน์ โพธิ์ทอง อายุ 48 ปี ภรรยา น.ส.ศศิมา ปทุมวาสนา อายุ 17 ปี นายธนวัฒน์ ปทุมวาสนา หรือ กอล์ฟ อายุ 15 ปี บุตร และ นางสำรอง บัวแก้ว อายุ 47 ปี สาวใช้ เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 5388 ซอยโพธิ์แก้ว 3 แยก 23 ถนนนวมินทร์ ซอย 111 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.ซึ่งทั้งหมดเสียชีวิตมาหลายวันแล้ว
ต่อมากองปราบปรามสืบสวนจนทราบว่า มีผู้ต้องหาทั้ง 2 มีอาชีพขับรถแท็กซี่ นอกจากนี้ ยังติดการพนัน มีหนี้สินจำนวนมาก นอกจากนี้ นายวันชัย เคยต้องคดีปล้นทรัพย์มาแล้ว ส่วนนายปริทรรศ เคยต้องคดีฆ่าคนตายจนถูกจับติดคุก แต่พ้นโทษออกมาไม่นาน หลังก่อเหตุผู้ต้องสงสัยได้นำโทรศัพท์มือถือของ นางกนกกาญจน์ เหยื่อสังหาร ไปขาย ชุดสืบสวนจึงพยายามติดตามตัวมาดำเนินการสอบสวน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา
จากนั้นเจ้าหน้าที่สืบสวน ทราบว่า นอกจากจะมีบ้านพักตามบัตรประชาชนแล้ว ทั้ง 2 ยังเช่าอพาร์ตเมนต์ไม่มีชื่อ ห้องเลขที่ 44 ชั้น 4 ซอยทุ่งมังกร 7 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม.ไว้ด้วย จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ พบ นายวันชัย หรือ แดง และ นายปริทรรศ เดินทางกลับเข้ามาที่อพาร์ตเมนต์พอดี จึงแสดงตัวว่าเป็นตำรวจกองปราบ และเชิญตัวมาสอบสวนยังกองปราบปราม
จากการตรวจค้นภายในห้องยังพบของกลางในคดีอีกจำนวน 43 รายการ เช่น เครื่องช็อตไฟฟ้า ถุงมือยาง อุปกรณ์การงัดแงะ และภายในไดอารี่เล่นหนึ่งพบกระดาษที่วาดแผนที่บ้านพักของผู้ตาย จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน โดยชุดสืบสวนแยกสอบสวนสอบปากคำผู้ต้องสงสัยอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลาหลายชั่วโมง จน นายปริทรรศ เปิดปากให้การรับสารภาพอย่างหมดเปลือก ว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย.เวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ นายวันชัย ชักชวนให้มาชิงทรัพย์ที่บ้านหลังเกิดเหตุ บอกว่า มีเงินในตู้เซฟเป็นล้านบาท โดยนั่งแท็กซี่เข้าไป นายวันชัย มีปืนเป็นอาวุธ ส่วนตนใช้อาวุธมีด เมื่อถึงหน้าบ้าน นายวันชัย กดกริ่ง นางสำรอง สาวใช้มาดู นายวันชัยบอกว่า “มาหาเฮีย” นางสำรอง จึงเปิดประตูรับทันที
นายปริทรรศ กล่าวต่อว่า เมื่อเข้าไปในบริเวณบ้าน นายวันชัย ใช้ปืนจี้ล็อกตัว นางสำรอง ไปที่ห้องพัก แล้วมัดมือมัดเท้าไว้ในห้องคนใช้ และบีบคอจนเสียชีวิต จากนั้นพากันขึ้นไปเคาะประตูห้องนอนชั้น 2 ของ นายธนวัฒน์ พบประตูเปิดอยู่ นายวันชัย จึงใช้ด้ามปืนตีไปที่ศรีษะ 1 ครั้ง แล้วจับมัดมือมัดเท้าทิ้งไว้ในห้อง หลังจากนั้น หันกลับไปเคาะประตูห้องนอนฝั่งตรงข้ามของ น.ส.ศศิมา พอเหยื่อเปิดประตู นายวันชัย ชักปืนจี้เพื่อข่มขู่ แต่ปรากฏว่า น.ส.ศศิมา ต่อสู้ นายวันชัย จึงยิงใส่ 1 นัด จนล้มฟุบเสียชีวิต
หลังจากจัดการกับเหยื่อ 3 รายแล้ว นายวันชัย บอกกับตนว่า “รอก่อนเดี๋ยวเฮียก็กลับมาแล้ว” จึงพากันมาซุ่มรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง นายธนายศ ก็ขับรถกลับเข้ามาในบ้าน พร้อมกับนางกนกกาญจน์ โดยที่เหยื่อทั้ง 2 ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นายวันชัย พุ่งเข้าไปเอาปืนจี้นายธนายศ เข้าไปในบ้าน จากนั้นได้ยินเสียงดังโครมครามเหมือนมีการต่อสู้แล้วได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด จากนั้น นายวันชัย จึงเดินออกมา ขณะที่ตนยืนคุมเชิง นางกนกกาญจน์ อยู่ พร้อมกับทำร้าย นางกนกกาญจน์ โดยการบีบคอเพื่อข่มขู่ให้บอกที่ซ่อนตู้เซฟ พร้อมกับจับมัด แต่นางกนกกาญจน์ อ้างว่า นายธนายศ รู้เพียงคนเดียว นายวันชัย โมโหจึงบีบคอจนเสียชีวิตคามือแล้วจึงกลับขึ้นไปบีบคอนายธนวัฒน์ จนเสียชีวิตภายในห้องพักชั้นสอง” นายปริทรรศ กล่าว
นายปริทรรศ กล่าวอีกว่า หลังจากสังหารเหยื่อจนหมดแล้ว จึงลงมือค้นหาทรัพย์สินได้เงินสดประมาณ 2 หมื่นบาท โทรศัพท์มือถือและของมีค่าจำนวนหนึ่ง นายวันชัย ได้หยิบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและยกตัวซีพียูของคอมพิวเตอร์ในบ้านของนายธนายศไปด้วย โดย นายวันชัย สั่งให้ขับรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ท สีขาว ทะเบียน ชณ 8535 กทม.ของ นายธนายศ หนีออกมาแล้วสั่งให้ตนนำไปทิ้งไว้ที่พื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
หลังได้คำรับสารภาพของ นายปริทรรศ ชุดสืบสวนกองปราบปรามรีบประสานไปยัง ร.ต.อ.ธานี จิตธรรม พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว พร้อมกับส่งคำให้การรับสารภาพและหลักฐานทั้งหมดไปให้เพื่อดำเนินการขอหมายอนุมัติจับกับศาลอาญา โดยจับกุม นายปริทรรศ เมื่อได้รับหมายจับกุม นายปริทรรศ และ นายวันชัย ที่ยังปิดปากเงียบ ชุดสืบสวนกองปราบปราม ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 เดินทางไปยังบ้านเกิดเหตุ เลขที่ 5388 ซอยโพธิ์แก้ว3 แยก 23 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.เพื่อจุดธูปขอขมาศพเหยื่อทั้ง 5 ตามคำขอของนายปริทรรศ โดยนัดหมายให้พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว มารับตัวผู้ต้องหาพร้อมหลักฐานสำคัญจำนวนมากที่บ้านเกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ชุดสืบสวนกองปราบปรามยังไม่เชื่อคำให้การของ นายปริทรรศ ทั้งหมด เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับ นายธนายศ นอกจากจะทำธุรกิจโรงงานขายเฟอร์นิเจอร์แล้ว ยังปล่อยเงินกู้และรับจำนำที่ดินไว้เป็นจำนวนมาก บางรายมีมูลค่าเกือบร้อยล้านบาท ถ้าประเด็นนี้อาจจะเป็นการฆ่าล้างหนี้เงินกู้ก็เป็นได้ นอกจากนี้ ชุดสืบสวนยังสงสัยว่าข้อมูลในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและในเครื่องซีพียูที่นายวันชัย ผู้ต้องหาที่ยังไม่เปิดปากให้การรับสารภาพนำไปด้วยในวันเกิดเหตุ มีข้อมูลลับทางธุรกิจของนายธนายศอยู่มากน้อยแค่ไหน และในวันเกิดเหตุ นายวันชัย ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์
รวบ 2 แท็กซี่ฆาตกรใจโหดฆ่ายกครัว 5 ศพ
ตร.ตั้ง 5 ปมสังหาร แบ่งงานสางคดีฆ่ายกครัว 5 ศพ
สุดโหด !!! ฆ่ายกครัว 5 ศพ เจ้าของโรงงานเฟอนิเจอร์ขึ้นอืดคาบ้าน
