ผบช.น.เปิดใจทำคดีเสื้อแดง ยันไม่มีตำรวจให้ข่าวตาม “แม้ว” อ้าง

“วรพงษ์” นำทีมนครบาลแถลงเปิดใจสื่อทำคดีเสื้อแดง ยันไม่มีคนตายในการสลายม็อบ 2 ศพ รปภ.ปมจากเรื่องส่วนตัวหรือชิงทรัพย์ สอบถามตำรวจในสังกัดไม่มีใครให้ข่าวตาม “แม้ว” อ้างสื่อต่างประเทศ ด้าน “อำนวย” ย้ำตำรวจทำคดีมาตรฐานเดียวกันทั้งเหลือง-แดง

วันนี้ (16 เม.ย.) เมื่อเวลา 21.30 น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.พร้อมด้วย รอง ผบช.น.และ ผบก.น.1-ผบก.น.9 ร่วมกันแถลงข่าวไขข้องใจที่ประชาชนและสื่อมวลชนสงสัยเกี่ยวกับกรณีการดำเนินคดีกับแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. โดยมีหัวข้อประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องการดำเนินการตามหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การให้ข่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อ้างว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมเสียชีวิต การดำเนินการที่มีผู้กล่าวอ้างว่าตำรวจมี 2 มาตรฐาน กรณีที่พบศพ 2 รปภ.บจก.กรุงไทยธุรกิจบริการที่ถูกฆาตกรรมโหดด้วยการผูกปากมัดมือทุบทำร้ายก่อนนำศพไปทิ้งลอยในแม่น้ำเจ้าพระยาวานนี้ (15 เม.ย.) และกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการโยกย้าย ผบช.น.

พล.ต.ท.วรพงษ์ เปิดเผยว่า กรณีที่มีสื่อสำนักข่าวต่างประเทศ “เดอะเทเลกราฟ” ได้นำเสนอข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยหลังมีการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ว่ามีคนตายถึง 5 ศพ โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้นำศพไปอำพรางไว้ ตนขอเรียนให้ทราบว่า หลังจากที่มีข่าวออกมาแล้วนั้นได้เรียกนายตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกนายมาสอบถาม ก็ไม่พบว่ามีผู้ใดเป็นผู้ให้ข่าว ตลอดจนที่มีข่าวลือว่าพบศพของกลุ่มผู้ชุมนุมในอุโมงค์ดินแดง บนรถจีเอ็มซีของทหาร หรือนำไปเผาทิ้งที่วัดแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว รวมแล้วจำนวนหลายศพนั้น ตนได้สั่งการให้ทุกฝ่ายไปตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทุกแห่งแล้วปรากฏว่าไม่มียอดตัวเลขของผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมในครั้งนี้แต่อย่างใด

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่มีการพบศพ 2 รปภ.ของบริษัท กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด ถูกฆาตกรรมโหดทิ้งในแม่น้ำเจ้าพระยานั้น จากแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานที่สามารถมุ่งไปที่ประเด็นชิงทรัพย์และความขัดแย้งส่วนตัวมากกว่า ซึ่งไม่พบเบาะแสจากเรื่องการปราบจลาจลแต่อย่างใด การแถลงข่าวเปิดใจในวันนี้ตนขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชนด้วยว่า อยากทำให้สังคมสงบสุขยุติความขัดแย้งในทุกพื้นที่ และต้องการชี้แจงให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงในทุกด้านๆ ส่วนเรื่องการโยกย้ายตนนั้นยังไม่ทราบข่าวแต่อย่างใด ตั้งแต่มีการชุมนุมกันเกิดขึ้นตนก็กินอยู่และนอนที่ทำงานแทบทุกวันแต่ยังไม่เคยได้ยินข่าว

ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.กล่าวว่า ที่ผ่านมามีคำถามกันมามากว่าตำรวจดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลือง และเสื้อแดง คนละมาตรฐานหรือไม่ นำเรียนว่าการออกหมายเรียกหรือหมายจับ มันก็ต้องดูเหตุผลเป็นสำคัญ ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ เมื่อเราเห็นใครกำลังทุบรถอยู่ก็ต้องจับ แต่ถ้าเค้ากลับไปนอนบ้านแล้วก็ต้องออกหมายเรียก ซึ่งทั้ง 2 อย่างเราก็จะได้ตัวมาดำเนินคดีเหมือนกัน รับประกันว่าตำรวจนครบาลทุกนายไม่มีเลือกฝ่ายเลือกสีเราดำเนินคดีไปด้วยความยุติธรรม ส่วนเรื่องที่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งมีถึง 27 หมายจับนั้น ตนก็เพิ่งจะเคยทำเป็นครั้งแรกตั้งแต่รับราชการ ที่ออกมาเยอะขนาดนี้ไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้งใคร

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวอีกว่า การที่จะอนุญาตให้ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวหรือไม่ ต้องดำเนินการไปตามตัวบทของกฎหมาย หากเราใช้ความรู้สึกตัดสินใจก็จะโดนฟ้องแน่นอน ยกตัวอย่างแกนนำ นปช.3 คน ที่ถูกคัดค้านการให้ประกันตัวที่ศาลอาญาไปนั้น เพราะมีพฤติกรรมที่จะย้อนกลับมากระทำผิดอีก เช่นจากการถอดเทปได้ยินคำว่า เรายุติในวันนี้เพื่อกลับมาสู้ใหม่และตั้งแต่ที่ทางรัฐบาลได้มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็จะเห็นได้ว่ายังมีการรวมตัวชุมนุมกันเกิน 5 คนอีก ตลอดจนเมื่อมีคำพูดว่าจะทำร้ายนายกรัฐมนตรีที่ไหน ก็จะพบพฤติกรรมจริงๆ ที่นั่น อย่างเช่นกรณีนายกรัฐมนตรีถูกคุกคามที่พัทยา และหน้ากระทรวงมหาดไทย

“สำหรับเรื่องมาตรฐานการปฏิบัติจะเห็นได้ว่าตนก็ดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรฯ เสื้อเหลือง ทุกเรื่องเหมือนกัน อย่างกรณีที่รวมตัวกันบุกเข้าไปในทำเนียบขณะนี้ก็ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการสั่งฟ้องไปแล้ว ส่วนเรื่องที่ดอนเมือง ทาง บช.น.ก็ทำเสร็จแล้ว รอเพียงจิ๊กซอว์จากเรื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิมาต่อก็จบ ซึ่งในขณะนี้ ตร.รับเป็นเจ้าภาพผู้รับผิดชอบในการดำเนินการสอบสวน ส่วนความผิดเรื่องการเผารถเมล์ การนำรถแก๊สมาจอดเปิดวาล์วตามสี่แยก และการปิดถนนของทาง นปช.นั้น ยืนยันว่าตำรวจจะดำเนินการในทุกๆ เรื่องร้องเรียน ซึ่งในขณะนี้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะดำเนินการ ได้เรียกทุกเรื่องราวเข้าไปตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้วรอเพียงการตรวจหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดเสียก่อน” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว