หนองคาย - นักธุรกิจหนองคาย เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งสร้างเสถียรภาพ สร้างความมั่นคงภายในประเทศให้เร็ว ก่อนวางแผนเดินหน้าดึงภาพลักษณ์ประเทศกลับคืนในสายตาประชาคมโลก ควรเริ่มกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวก่อนอันดับแรก เชื่อประชาชนยังให้โอกาสรัฐบาลอภิสิทธิ์ทำงานต่อ แต่ต้องเพิ่มการประชาสัมพันธ์ แผนงานมาตรการของรัฐให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่องโดยยึดสื่อของรัฐเป็นหลัก
นายพิเชษฐ์ ตันเทอดทิตย์ กรรมการหอการค้าจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และสลายการชุมนุมจนกลุ่มผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม แต่ปรากฏว่าสร้างความสูญเสียทั้งทรัพย์สินของราชการ ประชาชนได้รับบาดเจ็บล้มตาย ที่สำคัญภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายเป็นอย่างมากในสายตาชาวโลก เหตุการณ์นี้เกิดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เทศกาลท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ
ทุกคนต่างหวังที่จะให้ช่วงนี้เป็นช่วงของการพักผ่อน และใช้เงินจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดช่วงหนึ่ง แน่นอนว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองขึ้นส่งผลกระทบอย่างมหาศาล เทศกาลสงกรานต์เงียบเหงา ไม่คึกคักเหมือนเช่นทุกปี รายได้ที่ควรจะมี เม็ดเงินที่เดิมตั้งเป้าไว้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หายไปกว่าร้อยละ 30-50 กระทบถึงเศรษฐกิจในระยะยาว เนื่องจากประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักธุรกิจเกิดความไม่เชื่อมั่นต่อประเทศไทย
แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์จะคลี่คลายลงไปแล้ว แต่อาจจะประทุขึ้นมาอีกได้ โดยคราวนี้การเคลื่อนไหวอาจจะเปลี่ยนรูปแบบหรือมาตรการขับเคลื่อนแบบอื่น ซึ่งจะทำให้สั่นคลอนต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ดังนั้นนักธุรกิจเองอยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี วางแผนมาตรการในรูปแบบใดก็ได้ ที่จะสร้างเสถียรภาพให้เกิดขึ้นกับรัฐบาล ต่อด้วยการสร้างความมั่นคงภายในของประเทศก่อน
ที่สำคัญหลังจากนั้นจึงค่อยฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ อาจเริ่มที่ภาคการท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก ซึ่งรัฐเองอาจใช้มาตรการลดภาษีให้กับผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวเพื่อช่วยให้ธุรกิจการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หรือ อาจลดราคาแหล่งท่องเที่ยว ลดราคาเที่ยวบินต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นการกระตุ้นให้เม็ดเงินไหลเวียน ช่วยเหลือผู้ประกอบการซึ่งในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจด้านการท่องเที่ยวส่งผลกระทบเป็นอย่างมาก
อีกทั้งจะทำให้นักท่องเที่ยวเห็นว่าประเทศไทยพร้อมที่จะต้อนรับและเป็นเจ้าบ้านที่ดีให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยอีกครั้ง อย่าลืมว่าการท่องเที่ยวนับเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมหาศาลในแต่ละปี
นายพิเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า หากรัฐบาลสามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้เร็วเท่าใด ผลดีก็จะเกิดแก่ประเทศชาติเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรัฐบาลมีแผนงานที่เป็นระบบ วางแผนนำพาประเทศชาติให้กลับคืนมาสู่ความสงบสุข มีการแจ้งแผนงาน ผลการปฏิบัติงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะๆ ผ่านสื่อของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นสถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ช่องใดก็ตามที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ ให้เป็นประโยชน์
โดยที่ไม่ใช่การแทรกแซงสื่อ แต่เป็นการใช้ให้ตรงจุด ให้ประชาชนได้เห็นความคืบหน้าของรัฐบาล เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจปฏิบัติงานให้เป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด เชื่อว่าจะทำให้รัฐบาลมีความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้น และประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังคงให้โอกาสรัฐบาลทำงานต่อไป
ทั้งนี้ หากรัฐบาลสามารถจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในทางที่ดีขึ้นแล้ว ควรรีบยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเร็ว เนื่องจาก พ.ร.ก.นี้ สร้างความหวาดกลัวและไม่มั่นใจต่อนักธุรกิจ นักลงทุนจากต่างชาติ และเดินหน้าจัดการประชุมอาเซียนซัมมิตอีกครั้ง ด้วยพื้นฐานของการสร้างความเข้าใจกับมิตรประเทศที่เป็นสมาชิกอาเซียน ให้ประเทศเหล่านั้นเชื่อมั่นว่ารัฐบาลสามารถรักษาความปลอดภัยในชีวิตของผู้นำชาติเหล่านั้นได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ประเทศไทยกู้ภาพลักษณ์ที่เสียไปได้แม้ว่าจะต้องใช้เวลาบ้างก็จำเป็นต้องทำ