“สุพร” ยังไม่ฟันธง “จำนงค์ หงษ์เกียรติขจร” คนขับคัมรี่พุ่งชน “แดงถ่อย” หน้าบ้านป๋าเปรม ไม่น่าเป็นการป่วน แต่ต้องเรียกเจ้าตัวหรือเจ้าของรถมาสอบถึงสาเหตุอีกครั้ง ส่วนกรณีชายฉกรรจ์ยิงปืนเข้าใส่ทาสรับใช้นักโทษชายทักษิณ เชื่อว่าไม่ใช่การป่วน แต่หงุดหงิดจากการจราจรติดขัด น่าจะเป็นยิงปืนขึ้นฟ้า ไม่โดนผู้ใด ต้องรอสอบหาสาเหตุเช่นกัน
วันนี้ (9 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีหญิงสาวขับรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กค 5881 จันทบุรี และพุ่งเข้าชนผู้ชุมนุมที่ยืนฟังการปราศรัย ทำให้ผู้ชุมนุมแตกกระเจิงต่างกระโดดหลบหนีเอาตัวรอด และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของตำรวจ ทราบทะเบียนรถคือ กค 5881 จันทบุรี มีสุภาพสตรี แต่ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าเกิดจากความตกใจหรือจงใจสร้างสถานการณ์ ซึ่งหลักเกิดเหตุไม่ได้ขับหลบเข้าไปในสวนอัมพร แต่หลบหนีไปทางถนนอู่ทองนอก ส่วนผู้บาดเจ็บจากการตรวจสอบพบว่าบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย มีแผลถลอกที่ขาเท่านั้น ทราบชื่อคือ นายไพศาล พิสดาร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 ม.6 ต.หนองคู อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
โฆษก บช.น.กล่าวต่อว่า ส่วนนี้ได้กำชับไปยัง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ดำเนินการติดตามเจ้าของรถและคนขับมาให้ได้โดยเร็ว และให้สอบสวนว่าผู้ขับขี่เป็นใคร และขับขี่รถลักษณะนี้มีวัตถุประสงค์อย่างไร แต่จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดเบื้องต้นที่สามารถบันทึกภาพไว้ได้นั้น พบว่ารถคันดังกล่าวขับเลียบถนนเข้ามาเมื่อถึงแยก พล.1 แต่พบกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมาก ขับไปต่อไม่ได้จึงขับย้อนออกมา และจากการตรวจสอบเท่าที่ดูจากกล้องวงจรปิด เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นการป่วน แต่เชื่อว่าเป็นการขับรถหนีมากกว่า แต่ก็ยังไม่ฟันธง จะต้องเรียกตัวคนขับหรือเจ้าของรถมาสอบปากคำถึงสาเหตุอีกครั้ง แต่ไม่น่าจะเป็นมือที่ 3 ซึ่งขณะนี้ ทราบแล้วว่าคนขับชื่อ นางจำนงค์ หงษ์เกียรติขจร ซึ่งจะเรียกตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการด้วยความโปร่งใส หากตรวจสอบแล้วว่าเป็นการป่วนนั้นก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และหากสร้างความพึงพอใจหรือสร้างความพอใจได้ก็คงไม่น่าจะมีปัญหา
“ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าแจ้งความว่าถูกชายฉกรรจ์ยิงปืนเข้าใส่นั้น จากการตรวจสอบทราบว่าเป็นชาย 2 คน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุทราบว่าชายทั้ง 2 นั่งมาในรถ ซึ่งทราบเพียงหมวดทะเบียนรถ ยิงปืนขึ้นฟ้าไม่โดนผู้ใด ซึ่งจะตรวจสอบอีกครั้งว่าเกิดการหงุดหงิดเพราะรถติด หรือมาป่วน แต่จากการตรวจสอบพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุหลายรายนั้นเชื่อว่าไม่ใช่การป่วน แต่น่าจะหงุดหงิด ซึ่งขณะนี้ทราบหมวดทะเบียนรถแล้ว ซึ่งการตรวจสอบจะแคบลงและตรวจสอบได้ง่ายขึ้น” พล.ต.ต.สุพร กล่าว
โฆษก บช.น.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นจะยังคงใช้มาตรการเดิม ไม่มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งการตั้งจุดตรวจค้น ทุกอย่างยังปกติและไม่พบเหตุ ส่วนกระแสข่าวที่จะมีมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์นั้น ได้จัดชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ จากการประเมินสถานการณ์ตลอดทั้งคืน ไม่พบรายงานเหตุการณ์ความรุนแรง โดยเจ้าหน้าตำรวจยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ก็ได้กำชับให้ตำรวจ 88 สถานีทั่วกรุงเทพฯ จัดตั้งจุดตรวจพิเศษทั่วพื้นที่ชั้นใน และชั้นนอก พร้อมจัดกำลังดูแลบ้านพักบุคคลสำคัญ และสถานที่ราชการ รวมถึงธนาคารตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจากข้อมูลการข่าวอาจมีมือที่ 3 นำระเบิดเพลิงมาเผาตามจุดต่างๆ ตำรวจจึงต้องเตรียมความพร้อม แม้ว่าจะยังไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้นก็ตาม
พล.ต.ต.สุพร กล่าวต่อว่า ส่วนการจราจรนั้น พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. มอบหมายให้ พล.ต.ต.ภาณุ ลาภเกิดผล รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านการจราจร ดูแลโดยจะยังไม่มีการปิดการจราจรถาวร แต่คงจะดูตามความเหมาะสม ไม่ใช่เป็นการจราจรเพื่อการชุมนุม ส่วนยอดผู้ชุมนุมเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่มีการวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น อยู่ที่ประมาณ 80,000 คน การยื่นคำขาดของแกนนำนั้นจะมีการประเมินสถานการณ์แบบชั่วโมงต่อชั่วโมง และยังไม่มีมาตราการอะไรเป็นพิเศษ ยังคงวางมาตราการเดิม
ส่วนที่หากกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการนำรถไปจอดขวางตามสี่แยกนั้นจะมีการวางมาตรการอยู่แล้ว โดยใช้กำลังจาก บก.จร.เตรียมพร้อมรถยกไว้ หากมีการจอดขวางจริงก็จะดำเนินการยกออกโดยทันที ซึ่งขณะนี้เส้นทางการจราจรในพื้นที่ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงชุมนุมในช่วงเวลานี้ มีการเปิดการจราจรสามารถเดินรถได้ตามปกติในเส้นทางถนนสามเสน ตั้งแต่แยกเทเวศร์ ถึง แยกซังฮี้ ถนนพิษณุโลก จากแยกยมราช ถึงแยกสนามม้านางเลิ้ง
“สำหรับเส้นทางถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกวัดเบญจมบพิตร จนถึงแยกสี่เสาเทเวศร์, ถนนพิษณุโลก จากแยกสนามม้านางเลิ้ง ถึงแยกวังแดง, ถนนราชสีมา ตั้งแต่แยกการเรือน จนถึงแยกประชาเกษม, ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยก จปร.ไปจนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า ต่อเนื่องแยกถนนอู่ทองในยังคงปิดการจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน พร้อมเตือนประชาชนที่ในเส้นทางควรหลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณถนนรอบทำเนียบรัฐบาล ถนนรอบลานพระบรมรูปทรงม้า และถนนรอบบ้านประธานองคมนตรี” พล.ต.ต.สุพร กล่าว
เก๋งคัมรี่พุ่งฝ่าฝูง “หางแดง” หน้าบ้านป๋า ชนการ์ดเจ็บ 1
วันนี้ (9 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีหญิงสาวขับรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กค 5881 จันทบุรี และพุ่งเข้าชนผู้ชุมนุมที่ยืนฟังการปราศรัย ทำให้ผู้ชุมนุมแตกกระเจิงต่างกระโดดหลบหนีเอาตัวรอด และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของตำรวจ ทราบทะเบียนรถคือ กค 5881 จันทบุรี มีสุภาพสตรี แต่ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าเกิดจากความตกใจหรือจงใจสร้างสถานการณ์ ซึ่งหลักเกิดเหตุไม่ได้ขับหลบเข้าไปในสวนอัมพร แต่หลบหนีไปทางถนนอู่ทองนอก ส่วนผู้บาดเจ็บจากการตรวจสอบพบว่าบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย มีแผลถลอกที่ขาเท่านั้น ทราบชื่อคือ นายไพศาล พิสดาร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 ม.6 ต.หนองคู อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
โฆษก บช.น.กล่าวต่อว่า ส่วนนี้ได้กำชับไปยัง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ดำเนินการติดตามเจ้าของรถและคนขับมาให้ได้โดยเร็ว และให้สอบสวนว่าผู้ขับขี่เป็นใคร และขับขี่รถลักษณะนี้มีวัตถุประสงค์อย่างไร แต่จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดเบื้องต้นที่สามารถบันทึกภาพไว้ได้นั้น พบว่ารถคันดังกล่าวขับเลียบถนนเข้ามาเมื่อถึงแยก พล.1 แต่พบกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมาก ขับไปต่อไม่ได้จึงขับย้อนออกมา และจากการตรวจสอบเท่าที่ดูจากกล้องวงจรปิด เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นการป่วน แต่เชื่อว่าเป็นการขับรถหนีมากกว่า แต่ก็ยังไม่ฟันธง จะต้องเรียกตัวคนขับหรือเจ้าของรถมาสอบปากคำถึงสาเหตุอีกครั้ง แต่ไม่น่าจะเป็นมือที่ 3 ซึ่งขณะนี้ ทราบแล้วว่าคนขับชื่อ นางจำนงค์ หงษ์เกียรติขจร ซึ่งจะเรียกตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการด้วยความโปร่งใส หากตรวจสอบแล้วว่าเป็นการป่วนนั้นก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และหากสร้างความพึงพอใจหรือสร้างความพอใจได้ก็คงไม่น่าจะมีปัญหา
“ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าแจ้งความว่าถูกชายฉกรรจ์ยิงปืนเข้าใส่นั้น จากการตรวจสอบทราบว่าเป็นชาย 2 คน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุทราบว่าชายทั้ง 2 นั่งมาในรถ ซึ่งทราบเพียงหมวดทะเบียนรถ ยิงปืนขึ้นฟ้าไม่โดนผู้ใด ซึ่งจะตรวจสอบอีกครั้งว่าเกิดการหงุดหงิดเพราะรถติด หรือมาป่วน แต่จากการตรวจสอบพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุหลายรายนั้นเชื่อว่าไม่ใช่การป่วน แต่น่าจะหงุดหงิด ซึ่งขณะนี้ทราบหมวดทะเบียนรถแล้ว ซึ่งการตรวจสอบจะแคบลงและตรวจสอบได้ง่ายขึ้น” พล.ต.ต.สุพร กล่าว
โฆษก บช.น.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นจะยังคงใช้มาตรการเดิม ไม่มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งการตั้งจุดตรวจค้น ทุกอย่างยังปกติและไม่พบเหตุ ส่วนกระแสข่าวที่จะมีมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์นั้น ได้จัดชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ จากการประเมินสถานการณ์ตลอดทั้งคืน ไม่พบรายงานเหตุการณ์ความรุนแรง โดยเจ้าหน้าตำรวจยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ก็ได้กำชับให้ตำรวจ 88 สถานีทั่วกรุงเทพฯ จัดตั้งจุดตรวจพิเศษทั่วพื้นที่ชั้นใน และชั้นนอก พร้อมจัดกำลังดูแลบ้านพักบุคคลสำคัญ และสถานที่ราชการ รวมถึงธนาคารตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจากข้อมูลการข่าวอาจมีมือที่ 3 นำระเบิดเพลิงมาเผาตามจุดต่างๆ ตำรวจจึงต้องเตรียมความพร้อม แม้ว่าจะยังไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้นก็ตาม
พล.ต.ต.สุพร กล่าวต่อว่า ส่วนการจราจรนั้น พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. มอบหมายให้ พล.ต.ต.ภาณุ ลาภเกิดผล รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านการจราจร ดูแลโดยจะยังไม่มีการปิดการจราจรถาวร แต่คงจะดูตามความเหมาะสม ไม่ใช่เป็นการจราจรเพื่อการชุมนุม ส่วนยอดผู้ชุมนุมเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่มีการวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น อยู่ที่ประมาณ 80,000 คน การยื่นคำขาดของแกนนำนั้นจะมีการประเมินสถานการณ์แบบชั่วโมงต่อชั่วโมง และยังไม่มีมาตราการอะไรเป็นพิเศษ ยังคงวางมาตราการเดิม
ส่วนที่หากกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการนำรถไปจอดขวางตามสี่แยกนั้นจะมีการวางมาตรการอยู่แล้ว โดยใช้กำลังจาก บก.จร.เตรียมพร้อมรถยกไว้ หากมีการจอดขวางจริงก็จะดำเนินการยกออกโดยทันที ซึ่งขณะนี้เส้นทางการจราจรในพื้นที่ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงชุมนุมในช่วงเวลานี้ มีการเปิดการจราจรสามารถเดินรถได้ตามปกติในเส้นทางถนนสามเสน ตั้งแต่แยกเทเวศร์ ถึง แยกซังฮี้ ถนนพิษณุโลก จากแยกยมราช ถึงแยกสนามม้านางเลิ้ง
“สำหรับเส้นทางถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกวัดเบญจมบพิตร จนถึงแยกสี่เสาเทเวศร์, ถนนพิษณุโลก จากแยกสนามม้านางเลิ้ง ถึงแยกวังแดง, ถนนราชสีมา ตั้งแต่แยกการเรือน จนถึงแยกประชาเกษม, ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยก จปร.ไปจนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า ต่อเนื่องแยกถนนอู่ทองในยังคงปิดการจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน พร้อมเตือนประชาชนที่ในเส้นทางควรหลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณถนนรอบทำเนียบรัฐบาล ถนนรอบลานพระบรมรูปทรงม้า และถนนรอบบ้านประธานองคมนตรี” พล.ต.ต.สุพร กล่าว
เก๋งคัมรี่พุ่งฝ่าฝูง “หางแดง” หน้าบ้านป๋า ชนการ์ดเจ็บ 1