ตร.พลิกแผ่นดิน! ล่านักฉก “ลูกปัดสุริยะเทพ”

ผกก.สน.พระราชวัง เผย เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งแกะรอยคนร้ายฉก “ลูกปัดสุริยะเทพ” จากภาพวงจรปิด รวมถึงสอบปากคำพยานแวดล้อม สาวถึงตัวคนก่อเหตุโดยเร็ว ด้าน บก.น.6 จะเร่งเสาะหาแหล่งซื้อขายที่คาดคนร้ายจะนำลูกปัดไปปล่อย มุ่งเป้าไปที่กลุ่มนักเล่นหินโบราณ และกลุ่มคนมือบอน ที่เกิดอยากได้แล้วหยิบฉวยติดมือออกไป ส่วนงานแสดงโชว์ในพิพิธภัณฑ์ ยังไม่เปิดให้ชมงานได้ เกรงเกิดเหตุซ้ำ อยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงระบบนิรภัย

วันนี้ (7 มี.ค.) พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน ผกก.สน.พระราชวัง กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายฉกลูกปัดสุริยะเทพอายุ 2 พันปี จากพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ว่า ภายหลัง พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีไปแล้วเมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) ทางพนักงานสอบสวนก็ได้เชิญเจ้าหน้าที่ภายในพิพิธภัณฑ์มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกหลายปาก โดยตำรวจ สน.พระราชวัง จะรับผิดชอบเรื่องการแกะรอยคนร้ายจากภาพวงจรปิด และการสอบปากคำ รวมไปถึงการพิมพ์ลายนิ้วมือบุคคลต้องสงสัยที่เดินทางเข้าไปชมนิทรรศการในวันดังกล่าว

“อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เราพยายามเร่งสืบหาตัวคนร้ายมาลงโทษอยู่แล้ว เนื่องจากคดีนี้เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชา และประชาชนทั่วไปให้ความสนใจมาก แต่ชุดทำงานคงต้องขอเวลาอีกสักระยะ เพราะเราต้องยึดเอาความถูกต้อง และความรอบคอบเป็นหลัก” พ.ต.อ.สุคุณ กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผกก.สืบสวน บก.น.6 กล่าวว่า หน้าที่ที่กองสืบจะต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับคดีนี้ คือ การเสาะหาแหล่งซื้อขายที่คาดว่าคนร้ายจะนำลูกปัดสุริยะเทพ ไปส่งให้ลูกค้า ซึ่งของมีค่าสิ่งนี้ผู้ที่ต้องการครอบครองคงอยู่ในวงแคบไม่เหมือนวัตถุมีค่าทั่วไป อย่างไรก็ตาม ยังคงพุ่งเป้าไปที่คนร้าย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนักเล่นหินโบราณ และ กลุ่มคนมือบอน ที่เกิดอยากได้แล้วหยิบฉวยติดมือออกไป สำหรับข้อมูลที่ได้รับมาในเบื้องต้น ทราบว่า ในวันเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้ายันเย็น มีผู้ลงชื่อในสมุดเยี่ยมชมเอาไว้กว่า 200 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ กก.สืบสวน บก.น.6 ก็กำลังร่วมกันกับ สน.พระราชวัง ทำการสืบสวนกันในทางลับกันอยู่

ด้าน นายรณฤทธิ์ ธนโกเศศ หัวหน้าฝ่ายพิพิธภัณฑ์และกิจกรรม กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทางพิพิธภัณฑ์ก็ยังไม่ได้เปิดให้เข้าชมแต่อย่างใด เพราะยังอยู่ในระหว่างการวางระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม ทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด และวางระบบ รปภ.ใหม่ ส่วนจะมีการเปิดให้ชมอีกเมื่อใดจะต้องพิจารณาร่วมกับหลายๆ ฝ่ายอีกครั้ง หวังว่า หากเปิดแล้วจะไม่เกิดเหตุการณ์ในทำนองนี้ขึ้นมาอีก