“พัชรวาท” เชื่อเศรษฐกิจตกต่ำส่งผลเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้น สั่งตำรวจทั่วประเทศตรวจสอบบุคคล-กลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ทวงหนี้เงินกู้นอกระบบด้วยความรุนแรง หากยังไม่เลิกพฤติกรรมต้องจับกุมเฉียบขาด รวมถึงตรวจเข้มลูกน้องที่ส่อเอี่ยวเอื้อกลุ่มทวงหนี้โหดพร้อมรายงานผลทุกเดือน พร้อมงัดแผนกรกฎ 48 รปภ.คณะรัฐมนตรีทำงานแต่ละพื้นที่ เน้นทำความเข้าใจกลุ่มเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบกฎหมาย
วันนี้ (5 มี.ค.) ที่สำนักงานงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่ว ยผบ.ตร.) ในฐานะโฆษก ตร.กล่าวว่า จากกรณีที่มีแก๊งทวงหนี้ทำร้ายร่างกายลูกหนี้ในพื้นที่ สน.เตาปูน นั้น ล่าสุดในทางคดียังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ในส่วนที่มีการระบุว่ามีตำรวจเข้ามากี่ยวข้อง ซึ่งต้องสืบสวนว่าข้อเท็จจริงอย่างไร เชิญตัวผู้ที่ถูกกล่าวหามาสอบ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ห่วงใยมาก โดย ตร.ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำจะส่งผลให้อาชญากรรมเพิ่มขึ้น ที่น่าห่วงคือการทวงหนี้ด้วยวิธีรุนแรง
“จากกกรณีที่เตาปูน วันนี้ ผบ.ตร.มีบันทึกข้อความด่วนที่สุด เรื่องกำชับการป้องกันและปราบปรามการให้เงินกู้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย ไปยังผู้ช่วย ผบ.ตร.ฝ่ายป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 และผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกำชับสั่งการให้ทุกหน่วย สถานีตำรวจทุกแห่ง สืบสวน หาข่าว และตรวจสอบพฤติการณ์บุคคล กลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้นอกระบบในอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่ากฎหมายกำหนด และส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ไปตามทวงหนี้ โดยวิธีการที่ผิดกฎหมายอาญา ทำลายทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ในหวาดกลัว เป็นต้น โดยให้จัดทำเป็นบัญชีรายชื่อและประวัติให้เป็นปัจจุบัน เพื่อสะดวกในการตรวจสอบหรือติดตามพฤติกรรม ต้องประชาสัมพันธ์และป้องปรามให้กลุ่มเหล่านี้หยุดพฤติกรรม หากไม่เลิกต้อง สืบสวนจับกุมอย่างเฉียบขาด” โฆษก ตร.กล่าว
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวด้วยว่า จากกรณีที่ สน.เตาปูน มีการอ้างว่าตำรวจไปช่วยไกล่เกลี่ยนั้น ตรงนี้ต้องตรวจสอบว่ามีตำรวจที่มีพฤติกรรมใช้อำนาจความเป็นตำรวจไปร่วมแก๊งทวงหนี้หรือไม่ โดยผู้บังคับบัญชาจะต้องไปสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งทวงหนี้อย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ หากพบเห็นให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยและกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่หากละเลยผู้บังคับบัญชาถือว่าบกพร่องฐานไม่ดูแลลูกน้อง จะถูกพิจารณาข้อบกพร่องตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 ด้วย อย่างไรก็ตาม ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้เชื่อว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นมา จึงให้ตำรวจทุกคนให้ความสำคัญและต้องรายงานผลปฏิบัติมายัง ตร.ทุกวันที่ 15 ของเดือน
ด้าน พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก จเรตำรวจ (สบ 8) ในฐานะรองโฆษก ตร.กล่าวว่า จากปัญหาเศรษฐกิจ ตร.ห่วงว่าอาชญากรรมในกลุ่มลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ และฉ้อโกง จะเพิ่มขึ้น ผบ.ตร.จึงสั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติหลัก ได้แก่ บช.น. บช.ก. บช.ภ.1-9 และศชต. กวดขันในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมกลุ่มนี้ โดยให้ประเมินตรวจสอบรายงานสถิติคดีการจับกุมส่ง ตร.ทุกเดือน ขณะเดียวกัน ให้ทุกพื้นที่ที่มีรอยต่อระหว่าง บช.ประสานงานในการสืบสวนอาชญกรรมกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่หัวหน้าโรงพักทุกแห่งต้องประเมินสภาพปัญหาอาชญากรรมกลุ่มนี้ทุกวัน และต้องควบคุมป้องกันปราบปรามให้ได้ เพื่อไม่ให้ประชาชนหวาดผวา
นอกจากนี้ พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวถึงแนวทางรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยในการเดินทางไปปฏิบัติงานของรัฐมนตรีและคณะที่จะเดินทางไปปฏิบัติงานในพื้นที่ต่างๆ ว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่จะลงไปติดตามนโยบายและปัญหาในพื้นที่โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7-8 มี.ค.นี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ จึงได้กำชับให้ตำรวจให้ดูแลความสงบเรียบร้อยเนื่องจากเกรงปัญหาความขัดแย้ง กลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาล จะเป็นอุปสรรคในการเดินทางลงไปปฏิบัติภารกิจ รวมทั้งความปลอดภัยบุคคลสำคัญและประชาชน
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันเหตุความไม่สงบเรียบร้อย ผบ.ตร.จึงกำชับให้ทุกหน่วยวางแผน กำหนดมาตรการและแนวทางปฏิบัติหากเกิดเหตุวุ่นวายในพื้นที่โดยให้ระดับผู้บัญชาการภาค และผู้บังคับการจังหวัดที่รับผิดชอบดูแลและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งประสานกองบัญชาการตำรวจสันติบาลในด้านการข่าวติดตามประเมินสถานการณ์ พร้อมทำแผนเผชิญเหตุเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบ และรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีและคณะ ที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจโดยยึดตามแผนรักษาความสงบเรียบร้อยของ ตร. หรือกรกกฎ 48 พร้อมประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ทั้งฝ่ายปกครอง และทหารเพื่อขอความสนับสนุนในการเตรียมพร้อมเผชิญเหตุทุกด้าน และทำความเข้าใจกลุ่มบุคคลที่จะออกมาเคลื่อนไหวให้เป็นไปตามกรอบกฎหมาย
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวอีกว่า ทาง ตร.ยังได้เตรียมกำลังสนับสนุนจากกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กองพลาธิการ และสรรพาวุธ ซึ่งเป็นหน่วยเฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาวุธและตรวจสอบวัตถุระเบิดเพื่อป้องกันเหตุรุนแรง เนื่องจากเคยมีสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน สำหรับด้านรายงายข่าวขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไร แต่ก็ได้กำชับตำรวจในพื้นที่ประสานหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องติดตามหาข่าวตลอดเวลาเพื่อป้องกันเหตุ