xs
xsm
sm
md
lg

“เนวิน” ขึ้นศาลแถลงเปิดคดีกล้ายาง ยันโครงการบริสุทธิ์ทำเพื่อคนอีสาน!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

เนวิน ตีหน้าเศร้า ขึ้นศาลฎีกานักการเมือง แถลงเปิดคดีทุจริต กล้ายาง 9 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล. ยืนยันดำเนินการโดยสุจริตใจ ย้ำหากย้อนเวลาได้ก็จะเซ็นอนุมัติ อดีตปลัดพาณิชย์ จำเลยกลุ่ม คชก.ยันอนุมัติโครงการ เบิกจ่ายเงินตามระเบียบสำนักนายก ด้าน “บรรเจิด สิงคะเนติ” ประธานอนุ คตส.ชั้นตรวจสอบให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงเต็มที่แล้ว ศาลนัดไต่สวนพยานโจทก์ปากต่อไป 11 มี.ค.นี้

วันนี้ ( 4 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายบุญรอด ตันประเสริฐ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาเจ้าของสำนวนคดีหมายเลขดำที่ อม.4/2551 พร้อมองค์คณะ 9 คนออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานโจทก์ครั้งแรก ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) นาย วราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง ในฐานะ คชก. นาย เนวิน ชิดชอบ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการ นาย สรอรรถ กลิ่นปทุม อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนาย อดิศัย โพธารามิก อดีต รมว.พาณิชย์ ในฐานะ คชก. กับพวก รวม 44 คน ประกอบด้วย กลุ่ม คชก. ,กลุ่มคณะกรรมการบริหารโครงการกำหนดทีโออาร์และคณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคา , บริษัทเจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์จำกัด ในเครือซีพี ,บริษัทรีสอร์ทแลนด์จำกัด และ บริษัทเอกเจริญการเกษตรจำกัด เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์สินใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ผู้ใดทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จเพื่อให้ได้ไปทรัพย์สินอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.151, 157, 341, ประกอบ มาตรา 83, 84, 86, 90 และ 91 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 4, 9-13 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11 กรณีทุจริตจัดซื้อต้นกล้ายางพารา 90 ล้านต้นของกรมวิชาการเกษตรมูลค่า 1,440 ล้านบาท

โดยก่อนเริ่มการไต่สวนพยานโจทก์กลุ่มจำเลยได้ส่งตัวแทนแถลงเปิดคดีด้วยวาจาโดยนายเนวิน ชิดชอบ จำเลยที่ 4 ได้แถลงเปิดคดีด้วยใบหน้าเศร้าซึมโดยยืนยันว่า การดำเนินโครงการปลูกยางพารายกระดับรายได้และความมั่นคงให้เกษตรกรในแหล่งปลูกยางใหม่ระยะที่หนึ่งแถบภาคเหนือและภาคอีสาน เพื่อสร้างรายได้และความมั่นคงให้กับเกษตรกร รวมทั้งเป็นนโยบายเพื่อแก้ไขความยากจน ซึ่งอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ตั้งแต่ฉบับที่ 1 จนถึงฉบับปัจจุบัน โดยมีการปลูกต้นยางนำร่องในจังหวัดภาคเหนือ และภาคอีสานพื้นที่รวม 1 ล้านไร่ และขณะนี้พบว่ามีการขยายพื้นที่โครงการเป็น 3 ล้านไร่ ซึ่งหลังจากเริ่มปลูกกล้ายางเมื่อปี 2547 เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวได้ภายในอีก 2 ปี (ปี 2554) ทั้งนี้การสนับสนุนปลูกยางยังช่วยลดความเสี่ยงให้เกษตรกร เพราะหากมีการกรีดยางหลังเก็บเกี่ยวแล้วราคาไม่ดีก็สามารถเก็บยางแผ่นไว้รอขายได้ไม่เหมือนกับการปลูกพืชไร่ พืชสวน และเมื่อพ้นระยะเวลา 25 ปีที่ต้นยางจะหมดน้ำยางแล้วเกษตรกรยังสามารถตัดต้นยางขายได้ในราคาเฉลี่ยไร่ละ 70,000 – 80,000 บาท จึงเห็นได้ว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนเกษตรกร ซึ่งหากย้อนเวลากลับไปได้แล้วจะต้องพิจารณาว่าจะอนุมัติโครงการหรือ ตนยืนยันว่าก็จะดำเนินการอนุมัติโครงการนี้อีกต่อไป ซึ่งการอนุมัติดำเนินโครงการได้ตัดสินใจด้วยเหตุผล และการพิจารณาสัญญาการจัดซื้อต้นกล้ายาง สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นทนายความแผ่นดินของรัฐบาลได้ตรวจพิจารณาแล้ว เห็นว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอน ดังนั้นจึงได้ดำเนินโครงการโดยความเชื่ออย่างสุจริตใจ โดยตนหวังว่าจะได้รับความเมตตาจากศาลจะให้ความเป็นยุติธรรม

ขณะที่ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ จำเลยที่ 14 ซึ่งขณะเกิดเหตุคดีนี้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายในและเป็นกรรมการและเลขานุการ คชก. ได้แถลงคดีด้วยวาจา ยืนยันว่า การพิจารณาอนุมัติใช้เงินในโครงการได้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนรวมช่วยเหลือเกษตรกร พ.ศ.2534 โดยการเบิกจ่ายกรมบัญชีกลางก็เป็นผู้ดูแลตามระเบียบสำนักนายกฯ

นอกจากนี้ นายคำนวณ ชโลปถัมภ์ ทนายความของ นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรแห่งประเทศไทย จำเลยที่ 13 ยังได้แถลงเปิดคดีด้วยวาจาต่อศาลด้วยว่า จำเลยที่ 13 เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ คชก. แต่ไม่ได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนผลประโยชน์อื่นใด จากการดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกลางฯ รวมทั้งไม่ใช่ข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่จะเข้าองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 รวมทั้งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับพนักงานในองค์กรของรัฐ พ.ศ.2542 ตามที่โจทก์ยื่นฟ้อง และที่ผ่านมาจำเลยที่ 13 ได้เดินทางลงไปในพื้นที่ซึ่งปลูกต้นยางพาราในจังหวัดเลย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาพบว่าต้นยางที่ปลูกตามนโยบายของรัฐบาลตั้งแต่ปี 2547 พร้อมจะได้รับการกรีดยางหากขนาดรอบต้นยางมีความยาวรวม 54 ซม.ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นว่า การดำเนินโครงการทำให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรดังนั้นจึงขอให้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลย ที่ 13 และกลุ่ม คชก.ต่อไปด้วย

ภายหลังกลุ่มจำเลย แถลงเปิดคดีด้วยวาจาเสร็จสิ้นแล้ว นายเจษฏา อนุจารีย์ ทนายความของปปช. ได้นำนายบรรเจิด สิงคะเนติ ประธานอนุ คตส. เข้าไต่สวน โยนายบรรเจิด เบิกความลำดับการตรวจสอบโครงการ ระบุว่า เรื่องนี้เริ่มต้นการตรวจสอบจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.) ที่เป็น 1 ใน 20 รายการ ที่ สตง.ตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินของโครงการต่างๆ โดยหลังจากที่มีการแต่ง คตส. แล้วตนได้รับแต่งตั้งเป็น ประธานอนุ คตส. และได้มีการตรวจสอบโครงการนี้จากรายงานการประชุม คชก. ประกอบคำชี้แจง และคำให้การผู้ถูกกล่าวหา ที่ครั้งที่เริ่มเรื่องตรวจสอบมีผู้ถูกกล่าวหา 90 คน ในกลุ่ม ครม. , คณะกรรมการกลั่นกรองเสนอโครงการต่อ ครม. คณะที่ 2 , ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองผู้ริเริ่มโครงการ , กลุ่ม คชก. , กลุ่มคณะกรรมการบริหารโครงการกำหนดทีโออาร์และคณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคา และกลุ่มบริษัทเอกชน แต่เมื่ออนุ คตส. พิจารณาแล้วเห็นว่า ในการที่ ครม. มีมติเกี่ยวกับโครงการนี้เป็นการพิจารณากำหนดเงื่อนไขที่ว่าหากจะมีการดำเนินการจะต้องให้ คชก. พิจารณามีมติเกี่ยวกับการใช้เงินในโครงการ จึงเห็นว่าเป็นมติที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย อีกทั้งไม่ใช่การมีมติริเริ่มโครงการจึงมีความเห็นไม่ฟ้อง แต่ได้มีความเห็นฟ้องเฉพาะกลุ่ม ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองบางคนที่เกี่ยวข้องในการผู้ริเริ่มโครงการ , กลุ่ม คชก. , กลุ่มคณะกรรมการบริหารโครงการกำหนดทีโออาร์และคณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคา และกลุ่มบริษัทเอกชน โดยคตส. ได้มีการแจ้งข้อกล่าว และให้ผู้ถูกกล่าวมีโอกาสชี้แจงอย่างเต็มที่ ส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหาบางคน อ้างว่า ไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหา และไม่ได้ยื่นคำชี้แจงนั้น คตส. ยืนยันว่าปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมาย ป.ป.ช. ซึ่ง คตส. นำมาปฏิบัติแล้วว่า เมื่อได้ทำหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาตามที่อยู่แล้ว หากผู้ถูกกล่าวหาไม่ยื่นคำชี้แจงก็ถือว่าไม่ติดใจ

ทั้งนี้ เมื่อนายบรรเจิด ประธานอนุ คตส. เบิกความจนถึงเวลา 15.30 น. ปรากฏทนายความจำเลยยังมีประเด็นซักถามอีก แต่เนื่องจากหมดเวาลราชการ ศาลจึงนัดไต่สวนพยานปากนายบรรเจิด พร้อมกับน.ส. ผ่องเพ็ญ สัมมาพันธ์ ผอ. สำนักงาน กองทุนสงเคราะห์ การทำ สวนยาง (สกย.) ในวันที่ 11 มี.ค.นี้ เวลา 09.30 น.
นายเนวิน ชิดชอบ เดินทางมาให้ปากคำไต่สวนนัดแรกคดีทุจริตกล้ายาง
ภาพในห้องพิจารณาคดี
นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการ หน้าตายิ้มแย้มหลังแถลงเปิดคดีทุจริตกล้ายาง
กำลังโหลดความคิดเห็น