จำคุกตลอดชีวิตหนุ่มนักเสพ มือยิงรอง ผกก.จร.สน.พญาไท หวิดดับ ขณะสกัดจับกลางแยกอุรุพงษ์ รับสารภาพศาลปรานีลดเหลือ จำคุก 27 ปี 24 เดือน ส่วนเพื่อนผิดแค่ข้อหาเสพศาลรอลงอาญา
วันนี้ (3 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณา 804 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.2165/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายจิตติโชตน์ หรืออิฐ โชคชัย อายุ 28 ปี กับนายวรวรรณ หรือสอง สุขปัญญา อายุ 24 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงานฯ, ต่อสู้ขัดขวางโดยมีอาวุธปืนฯ, ยิงปืนในเมือง หมู่บ้านฯ, บุกรุกฯ, ร่วมกันมีและพาอาวุธปืน โดยผิดกฎหมายฯ, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานฯ, เสพยาเสพติดประเภท 1 โดยผิดกฎหมายฯ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 140, 289, 296, 364, 365, 371, 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. 240 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ
คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค.51 จำเลยได้ร่วมกันจำเลยร่วมกันมีอาวุธปืนออโตเมติก จำนวน 1 กระบอก ไม่มีเครื่องหมายทะเบียน และมีลูกกระสุนปืนจำนวน 8 นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปถนนเพชรบุรี อันเป็นเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยร่วมกันต่อสู้ขัดขวาง จ.ส.ต.พนม วงค์ละมัย ผบ.หมู่ จร.สน.พญาไท ผู้เสียหายที่ 1 และ พ.ต.ท.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รอง ผกก.จร.สน.พญาไท ผู้เสียหายที่ 2 โดยใช้กำลังประทุษร้าย ชก ต่อย และใช้อาวุธปืนยิง พ.ต.ท.ภูษิต โดยมีเจตนาฆ่าให้ถึงแก่ความตาย จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บแก่กายและสาหัส และจำเลยที่ 1 ได้บุกรุกเข้าไปในบ้านนายประเสริฐ กุมรัตน์ ผู้เสียหายที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้จำเลยทั้งสอง ยังเสพเมทแอมเฟตามีนฯ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยฝ่าฝืนกฎหมาย เหตุเกิดที่ แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ
ศาลพิเคราะห์ว่า ตามข้อหาจำเลยที่ 1 ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้อาวุธปืน และฐานมีอาวุธและเครื่องกระสุนปืน ฐานเสพยาเสพติด กับความผิดจำเลยที่ 2 เสพยาเสพติดยาบ้า เฉพาะข้อหาเหล่านี้ จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์ไม่จำต้องสืบพยานส่วนนี้
ส่วนความผิดของจำเลยที่ 1 ฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานนั้น โจทก์มี พ.ต.ท.ภูษิต ผู้เสียหายที่ 2 เบิกความว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่แยกอุรุพงษ์ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ รามา ว่า จำเลยทั้งสองขี่จักรยานยนต์ ขึ้นไปบนสะพานข้ามแยกยมราช มุ่งหน้าแยกอุรุพงษ์ จึงให้ จ.ส.ต.พนม ผู้เสียหายที่ 1 ขี่จักรยานยนต์เข้าสกัดจับ ตนขี่จักรยานยนต์เข้าสมทบ เห็น จ.ส.ต.พนม เข้าจับกุมจำเลยที่ 1 อยู่ ขณะที่จำเลยที่ 1 ดิ้นหลุด วิ่งหลบหนีมาที่ตน ก่อนที่จำเลยที่ 1 จะชักปืนยิงถูกที่ชายโครงซ้ายของตน1 นัด เมื่อเห็นว่าจำเลยที่ 1 กำลังจะยิงซ้ำจึงพยายามจะแย่งปืนแต่ล้มลงจากการเสียก่อน จากนั้นจำเลยที่ 1 ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในซอยสุวัตรภัตตาคาร
เห็นว่า พ.ต.ท.ภูษิต เป็นประจักษ์พยานเบิกความเป็นขั้นตอนไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยเชื่อว่าเบิกความไปตามจริงมีน้ำหนักมั่นคง ประกอบกับจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพมาตลอด พาชี้ที่เกิดเหตุ บันทึกภาพประกอบคำรับสารภาพ เชื่อว่าจำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิง พ.ต.ท.ภูษิต เป็นการกระทำลงไปตลอดแล้วแต่การกระทำผิดไม่บรรลุผล จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานที่กระทำตามหน้าที่
คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยอีกว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันพกพาอาวุธปืนกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือไม่ โจทก์ไม่พยานเบิกความสนับสนุน และการใช้ปืนเป็นพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 เพียงลำพัง จำเลยที่ 2 ไม่เกี่ยวข้องด้วย แม้ จ.ส.ต.พนม จะเบิกความว่าถูกจำเลยที่ 2 ถีบที่หน้าท้อง แต่กลับไม่ปรากฏพฤติกรรมนี้ในสำนวนการสอบสวนทั้งที่เป็นสาระสำคัญแห่งองค์ประกอบความผิด ประกอบกับจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ มาโดยตลอด จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ได้
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานที่กระทำตามหน้าที่ ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธปืน จำคุก 5 ปี ฐานมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ จำคุก 6 เดือน ฐานบุกรุกเคหะสถาน จำคุก 1 ปี และฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสาภาพมีเหตุบรรเทาโทษให้กึ่งหนึ่ง ลงโทษฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานที่กระทำตามหน้าที่ จำคุก 25 ปี ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธปืน จำคุก 2 ปี 6 เดือน ฐานมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง จำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ จำคุก 3 เดือน ฐานบุกรุกเคหะสถาน จำคุก 6 ปี และฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำคุก 3 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ เป็นเวลา 27 ปี 24 เดือน และให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้รับโทษคดีอาญามาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ข้อหาอื่นให้ยก และริบของกลางอาวุธปืน