xs
xsm
sm
md
lg

คุกตลอดชีวิต! แก๊งส่งยากลางศาลอาญา

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
จำคุกตลอดชีวิต ปรับคนละ 1 ล้านบาท ขบวนการขนยาเข้าเรือนจำ ลักลอบส่งยาเสพติดให้นักโทษในห้องพิจารณาคดีศาลอาญา มือส่งยารับสารภาพ ศาลปรานีลดเหลือคุก 26 ปี ปรับ 5 แสน

วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 712 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อย.2258/2551 ที่อัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสงกรานต์ ไชยวงศ์ อายุ 27 ปี และนายบรรจง สร้อยแก้ว อายุ 27 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน และ 3, 4 เมทิลลีนฯ เพื่อจำหน่ายและร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ฯ ไนเมตาซีแพมไว้ในครอบครอง

คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 20 พ.ค.51 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ.51 เวลากลางวัน ศาลอาญานัดไต่สวนคำร้องในคดียึดทรัพย์ ที่ห้องพิจารณาคดี 905 ซึ่งมีนายบรรจง จำเลยที่ 2 ในคดีนี้เป็นจำเลยในคดีดังกล่าว ซึ่งระหว่างการพิจารณาคดีของศาลนั้น นายสงกรานต์ จำเลยที่ 1 ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังห้อง ย้ายที่มานั่งใกล้กลับจำเลยที่ 2 ก่อนจะส่งมอบยาเสพติดให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งนายเชาว์ ทวีปะ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 5 ที่นั่งคุมจำเลยที่ 2 อยู่นั้นเห็นเหตุการณ์จึงจับกุมจำเลยทั้งสองไว้ จากการตรวจสอบพบยาเสพติดเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 4 ซอง น้ำหนัก 72.680 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 65.547 กรัม และมีเมทิลีน จำนวน 30 เม็ด น้ำหนัก 8.100 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 4.526 กรัม และไนเมตาซีแพม อันเป็นวัตถุออกฤทธิ์จำนวน 30 เม็ด น้ำหนัก 5.390 กรัม ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 และริบของกลาง

พิเคราะห์พยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มี นายเชาว์ ทวีปะ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 5 เบิกความเป็นพยาน ระบุว่าขณะที่นั่งควบคุมตัวจำเลยที่ 2 ในห้องพิจารณาคดีนั้น สังเกตเห็นนายสงกรานต์ จำเลยที่ 1 ท่าทีมีพิรุธ ลุกมานั่งด้านหลังจำเลยที่ 2 จึงสอบถามจำเลยที่ 2 ว่าคุยกับใคร จำเลยที่ 2 อ้างว่า จำเลยที่ 1 เป็นหลาน จนกระทั่งจำเลยที่ 1 ส่งวัตถุที่ห่อด้วยพลาสติกสีดำให้แก่จำเลยที่ 2 จึงควบคุมตัวจำเลยที่ 1 จับกุมตัวจำเลยที่ 1 ขณะนั้นจำเลยที่ 2 มีท่าทีเป็นพิรุธ อ้างว่าหนาวขอไปนั่งด้านหลังห้อง โดยพบว่ามีวัตถุที่ห่อด้วยพลาสติกสีดำตกอยู่ที่พื้นอีก 1 ก้อน เมื่อตรวจสอบดูจึงพบยาเสพติดของกลางดังกล่าว ต่อมาวันที่ 26 ก.พ.51 ศาลมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยทั้งสองเป็นเวลา 6 เดือน ฐานประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อว่าจ้างจากบุคคลที่ได้รับโทรศัพท์จากนักโทษในเรือนจำให้นำยาเสพติดดังกล่าวมาส่งให้นายบรรจงที่ศาลอาญา ในราคา 2 หมื่นบาท โดยทำในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อเดือน ก.ค.2550 เพื่อนำเงินไปแต่งงาน ส่วนนายบรรจงให้การปฏิเสธอ้างว่าไม่เคยรู้จักหรือติดต่อกับนายสงกรานต์มาก่อน และถูกเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง เห็นว่าคดีนี้เกิดขึ้นให้ห้องพิจารณามีพยานรู้เห็นเหตุการณ์โดยใกล้ชิด โดยพยานไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสองมาก่อน พยานเบิกความไปตามข้อเท็จจริง ที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าถูกกลั่นแกล้งเป็นคำกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ เชื่อว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง

พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรค 3 (2), 66 วรรค 3 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเรียงกระทงความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยทั้ง 2 ตลอดชีวิต ปรับคนละ 1,000,000 บาท ฐานร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 ไว้ในครอบครอง จำคุก คนละ 2 ปี ในส่วนของจำเลยที่ 2 ความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ พ.ศ.2522 วางโทษจำคุกตลอดชีวิตไม่อาจเพิ่มโทษในส่วนนี้ คงเพิ่มโทษปรับกึ่งหนึ่งแทน เป็นเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท รวมจำคุกจำเลยที่ 2ไว้ตลอดชีวิต ปรับ 1.5 ล้านบาท ส่วนจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เห็นสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกเป็นเวลา 26 ปี ปรับ 5 แสนบาท และให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากในคดีหมายเลขแดงที่ ล.1/2551 ของศาลอาญา ซึ่งศาลลงโทษจำคุก 6 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล ในส่วนของจำเลยที่ 2 ให้นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากคดีหมายเลขแดงที่ ล.1/2551 ของศาลอาญา ซึ่งลงโทษจำคุก 6 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล และนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากคดีหมายเลขแดงที่ อย.1655/2550 ของศาลอาญา ที่ศาลพิพากษาจำคุก 50 ปี ปรับ 1,333,333.33 บาท ฐานครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และริบของกลาง
กำลังโหลดความคิดเห็น