xs
xsm
sm
md
lg

โวยตำรวจสุดเถื่อน! ตบหน้าเซลส์สาว-ทุบรถพังยับ เหตุเข้าใจผิดคิดว่าแก๊งยาบ้า

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

น.ส.ณัฐชานันท์ สุขสันต์สมเจริญ ตัวแทนจำหน่ายยาเคาท์เตอร์เพน ชี้ให้ดูประตูรถที่ถูกทุบและถีบจนบุบ
เซลส์ขายยาเคาน์เตอร์เพน ขึ้นโรงพักแจ้งความถูกตำรวจนอกเครื่องกว่า 10 นายบุกใช้ปืนจี้ให้เปิดประตูรถเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแก๊งค้ายาบ้า ผู้เสียหายกลัวสุดขีดไม่กล้าเปิด เลยโดนทั้งถีบทั้งทุบจนรถพังยับ ก่อนตบหน้าฉาดใหญ่-รื้อค้นข้าวของกระจัดกระจาย สุดท้ายหน้าแหกไม่เจอยาแม้แต่เม็ดเดียว ก่อนจากไปแบบดื้อๆ แถมบอกให้ไปตามหาตัวตำรวจชุดลงมือ-ฟ้องร้องค่าเสียหายเอาเอง ฝ่ายเซลส์สาวลั่นเอาเรื่องให้ถึงที่สุดไม่มีการยอมความ

เมื่อเวลา 01.30 น.วันนี้ (1 มี.ค.) ที่ สน.บางนา น.ส.ณัฐชานันท์ สุขสันต์สมเจริญ อายุ 30 ปี ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาเพื่อสุขภาพ (ยาเคาท์เตอร์เพน) บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด พร้อม น.ส.พิชญดา ธำรงค์พรสวัสดิ์ อายุ 29 ปี ผู้จัดการบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CPF เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สายชล หงษ์สุวรรณ์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.บางนา เพื่อแจ้งความว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบกว่า 10 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ ทำร้ายร่างกายและทุบรถเก๋งของตนจนเสียหายเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นพวกค้ายาเสพติด

น.ส.ณัฐชานันท์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 23.20 น.วานนี้ (28 ก.พ.) ตนกับเพื่อนคือ น.ส.พิชญดา ขับรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ซ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ฌฌ-9059 กทม. ออกจากศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไปจอดที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางนา เพื่อรอรับเพื่อนผู้ชายที่จะเดินทางกลับมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยตนเปิดได้ไฟกะพริบไว้ หลังจากนั้นเวลา 23.33 น.ก็มีรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีขาว จำเลขทะเบียนไม่ได้ขับมาจอดชิดท้ายรถตนจนผิดปกติ ก่อนจะมีรถกระบะแบบแค็บ สีขาว ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนเช่นกันขับมาจอดขวางหน้ารถตน จากนั้นก็มีชายฉกรรจ์จำนวน 10 กว่าคนลงมาจากรถทั้ง 2 คัน แล้วตรงเข้ามาล้อมรถตนพร้อมกับใช้ปืนจี้บังคับให้ตนเปิดประตูรถ

น.ส.ณัฐชานันท์ กล่าวต่อว่า ตอนแรกตนเข้าใจว่าถูกโจรปล้น เพราะมีผู้ชาย 5 คนใช้ปืนเล็งมาที่ตน ด้วยความกลัวตนเลยไม่กล้าเปิดประตูหรือลงจากรถ ทำให้กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวพยายามทั้งทุบทั้งถีบเพื่อเปิดประตูรถตนจนประตูขวาด้านหน้ามีรอยบุบ ส่วนประตูหลังด้านซ้ายก็บุบ และกระจกก็แตกทั้งบาน โดยระหว่างนั้น น.ส.พิชญดา เห็นท่าไม่ดีเลยโทรศัพท์ไปแจ้ง 191 ทัน ซึ่งพอพวกนั้นเปิดประตูได้ก็ตรงเข้ามาตบหน้าตนอย่างแรงจนหน้าชาไปหมด ส่วน น.ส.พิชญดา ก็โดนตบหน้าด้วยเหมือนกันแต่โดนแค่เฉียดๆ

“จากนั้นพวกเขาตะคอกใส่ฉันกับเพื่อนว่า เอาของมา เพื่อนฉันเลยยื่นกระเป๋าเงินให้ไป เพราะเข้าใจว่ากำลังถูกปล้นเอาทรัพย์สิน พวกเขาก็จะถามฉันด้วยว่าทำงานอะไร ฉันก็บอกไปว่าขายยา เพราะฉันเป็นเซลส์ขายยาเคาท์เตอร์เพน ของบริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด แต่พวกนั้นก็พยายามเค้นถามว่าซ่อนยาบ้าไว้ที่ไหน พร้อมทั้งรื้อค้นทุกซอกทุกมุมในรถจนข้าวของกระจัดกระจายไปหมด ซึ่งตอนนั้นก็มีคนมามุงดูเยอะมาก ผู้ชายพวกนั้นก็บอกว่าอย่ามายุ่งกำลังทำงาน แต่พวกเขาค้นเท่าไหร่ก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอะไรเลย เพราะฉันเป็นคนบริสุทธิ์ และทำอาชีพสุจริต” น.ส.ณัฐชานันท์ ให้การด้วยอาการตื่นตระหนก

น.ส.ณัฐชานันท์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที ตนได้ยินเสียงคนตะโกนว่าตำรวจมา ทำให้กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดกลับขึ้นรถที่จอดประกบรถตนไว้แล้วขับออกไป โดยเอากุญแจรถและโทรศัพท์อีก 2 เครื่องไปด้วย แต่พวกนั้นก็ทิ้งให้ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มคอยอยู่คุมตนกับเพื่อนไว้ โดยตนจำหน้าได้อย่างแม่นยำ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา ก็มาที่เกิดเหตุ โดยชายดังกล่าวที่อยู่กับพวกตนก็ออกไปคุยกับร้อยเวรที่มาตรวจที่เกิดเหตุ ก่อนที่ร้อยเวรจะมาบอกตนว่ากลุ่มชายฉกกรจ์ทั้งหมดเป็นตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ สภ.บางปะกง พอเหตุการณ์เริ่มคลื่คลาย ตนรู้สึกเจ็บหน้ามากเพราะถูกตบอย่างแรง จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ก่อนจะเดินทางมาแจ้งความ

น.ส.ณัฐชานันท์ กล่าวด้วยว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และไม่มีการยอมความใดๆ ทั้งสิ้น แม้ตำรวจกลุ่มนั้นจะมาขอโทษตนก็ตาม เพราะตนรู้สึกว่าการกระทำแบบนี้มันเกินกว่าเหตุ เนื่องจากตำรวจกลุ่มนี้ไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นตำรวจก่อนเข้ามาตรวจค้นแม้แต่น้อย แต่ละคนก็แต่งกายนอกเครื่องแบบ บัตรประจำตัวก็ไม่ติด แถมยังบอกอีกว่าถ้าอยากได้ค่าเสียหายก็ไปฟ้องเอา ส่วนตำรวจชุดนั้นก็ให้ไปตามหาตัวเอาเองที่ จ.ชลบุรี พอได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ตนเสียความรู้สึกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนไม่กังวลว่าตำรวจจะช่วยเหลือพวกเดียวกัน เพราะการกระทำดังกล่าวมันผิดชัดเจน จะต้องมีคนรับผิดชอบ เพราะตำรวจจะทำหน้าที่ผิดพลาดกับประชาชนที่บริสุทธิ์อย่างไม่น่าให้อภัยแบบนี้ไม่ได้

ด้าน พ.ต.ท.สายชล กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบปากคำผู้เสียหายและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว โดยหลังจากนี้จะเรียกตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งในวันที่ 2 มี.ค.นี้ โดยเรื่องนี้จะยังไม่มีการแจ้งข้อหาต่อใคร เพราะต้องสอบปากคำและหาพยานหลักฐานให้ชัดเจนเสียก่อน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง โดยแจ้งว่าทำงานอยู่ในสังกัดของ พ.ต.ท.สุทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งหลังจากนี้จะเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวมาสอบปากคำต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า พ.ต.ท.สุทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง มีตำแหน่งเป็นรอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งไม่ตรงกับที่พนักงานสอบสวนแจ้งกับผู้เสียหายว่า เป็นตำรวจปฏิบัติการพิเศษ สภ.บางปะกง แต่อย่างใด
กระจกประตูหลังแตก
ถูกตบหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น