xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอจับเพิ่ม! ผู้ต้องหาตุ๋นไฮโซลงทุนซื้อขายแชร์น้ำมัน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พ.อ.ปิยวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ
ดีเอสไอจับหัวหน้าทีมสาวชักชวนเหยื่อในแก๊งต้มตุ๋นกลุ่มไฮโซร่วมลงทุนซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าในต่างประเทศ สร้างความเสียหายถึง 85 ล้านบาท

วันนี้ (26 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ส่วนสืบสวนสะกดรอย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้จับกุมน.ส.พินิจนันท์ หมื่นโฮ้ง อายุ 26 ปี หัวหน้าทีมที่ทำหน้าที่ชักชวนเหยื่อ 1 ใน 7 ที่ดีเอสไอออกหมายจับก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหาหลอกลวงประชาชนให้ลงทุนซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าในต่างประเทศ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนมีมูลค่าความเสียหาย 85 ล้านบาท

พ.อ.ปิยวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ กล่าวว่า น.ส.พินิจนันท์ มีพฤติกรรมร่วมกับผู้ต้องหาอื่นในนาม บริษัท เอฟ เอ เอส ที จำกัด และบริษัท แฟคซิลิตี้ เอวิเอชั่น ซัพพอร์ท (ประเทศไทย) จำกัด โฆษณาชวนเชื่อให้ปรากฏแก่ประชาชนตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยปกปิดชื่อ-สกุล ที่แท้จริงของตนเอง และปกปิดข้อเท็จจริง หรือแสดงข้อความอันเป็นเท็จเพื่อให้ผู้เสียหายเชื่อว่า บริษัทดังกล่าวประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนในการซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าในต่างประเทศ และผู้ต้องหาจะเลือกลูกค้ากลุ่มผู้มีฐานะทางการเงินสูง โดยจะคัดเลือกข้อมูลจากบัตรเครดิตจากนั้นจะชักชวนให้ผู้เสียหายเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัท โดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ซึ่งคำนวณได้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341

สำหรับคดีนี้เมื่อวันที่ 12 ม.ค.พ.อ.ปิยวัฒก์ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอตรวจค้นบริษัท แฟคซิลิตี้ เอวิเอชั่น ซัพพอร์ท (แห่งประเทศไทย) จำกัด บริษัท ซี เอ็น อี รีสอร์ท เลขที่ 170-171 อาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ ชั้น 11 ถนนรัชดาภิเษก และบริษัท ซีเอ็นอี รีสอร์ท ตั้งอยู่ที่ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต

ต่อมา ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ควบคุมตัว น.ส.พินิจนันท์ หมื่นโฮ้ง อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในคดีแชร์น้ำมัน มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลเป็นเวลา 12 วัน ไปจนถึงวันที่ 9 มีนาคม นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องรอการสอบสวนพยานเพิ่มเติม รอผลการตรวจสอบประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหา รอผลการตรวจสอบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด รอตรวจสอบพยานเอกสารและรอผลการตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่ได้ตรวจยึดมาจำนวน 8 เครื่อง

ตามคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 มีนาคม 2550 จนถึง 22 ตุลาคม 2551 ต่อเนื่องกัน ผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันใช้ชื่อในนามบริษัท เอฟ เอ เอส ที จำกัด และบริษัท แฟคซิลิตี้ เอวิเอชั่น ซัพพอร์ท(ประเทศไทย)จำกัด กระทำการโฆษณาชวนเชื่อให้แก่ประชาชน ตั้งแต่10คนขึ้นไป โดยปกปิดชื่อ นามสกุลที่แท้จริงของตัวเอง และปกปิดข้อเท็จจริงอื่นๆ ซึ่งเป็นการแสดงความเท็จทำให้ประชาชนผู้เสียหายเชื่อว่าบริษัทดังกล่าวประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนประกอบการซื้อขายธุรกิจล่วงหน้าในต่างประเทศ และชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนกับบริษัท โดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทนคำนวณได้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุด ของสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินอันพึงจ่ายได้ โดยผู้ต้องหารู้อยู่แล้วว่าบริษัทฯไม่ได้ดำเนินธุรกิจที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนตามข้อตกลง จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและส่งมอบทรัพย์สินจำนวนกว่า 50ล้านบาท จึงเป็นความผิดฐาน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา

โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องการได้บริเวณ หน้าสถานีบริการน้ำมันปิโตรนัส ปากซอยพัฒนาการ 36 ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์เตรียมจะหลบหนีและผู้ต้องหารายอื่นต่างหลบหนีแล้ว นอกจากนี้คดีมีมูลค่าความเสียหายสูง การกระทำผิดมีลักษณะเป็นขบวนการ หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนีไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือกลับไปหลอกลวงประชาชนอีก ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขัง
กำลังโหลดความคิดเห็น