“ดีเอสไอ” เตือนภัยประชาชนระวังแชร์ลูกโซ่รูปแบบใหม่ ชักชวนลงทุนเช่าซื้อพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ แนะให้ใช้วิจารณญาณหากมีใครแนะนะให้ร่วมลงทุนในระยะสั้นได้ผลตอบแทนสูงให้ถือว่าธุรกิจนั้นอาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่
วันนี้ (5 ก.พ.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ เปิดเผยว่า ดีเอสไอตรวจสอบพบแชร์ลูกโซ่รูปแบบใหม่ จึงขอแจ้งเตือนภัยมายังประชาชนให้ระมัดระวังการต้มตุ๋นหลอกลวงให้นำเงินไปเข้าร่วมลงทุนในกิจการที่อาจเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ โดยกลุ่มผู้ต้องสงสัยมีพฤติการณ์หลอกลวงประชาชนด้วยวิธีการให้คนไปเดินแจกเอกสาร หรือแจกใบปลิวตามที่สาธารณะต่างๆ หรือนำเอกสารไปเหน็บติดกับใบปัดน้ำฝนที่กระจกหน้ารถยนต์ รวมทั้งมีการโฆษณาชวนเชื่อผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ด้วยการหลอกลวงให้ประชาชนนำเงินไปร่วมลงทุนในการดำเนินธุรกิจรับจ้างแจกเอกสาร โบรชัวร์ ใบปลิว สินค้าตัวอย่าง ติดป้ายโฆษณา ติดแบนเนอร์ ฯลฯ โดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวอีกว่า วิธีการหลอกลวงอีกรูปแบบหนึ่งจะเป็นการหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในธุรกิจซื้อขายสินค้าผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยชักชวนผู้ลงทุนให้เช่าพื้นที่บนเว็บไซต์ในราคาต่าง ๆ กัน จากนั้นบริษัทจะขอเช่าคืนโดยมีเงื่อนไขตามสัญญาเป็นเวลา 1 ปี ในระหว่างนั้นบริษัทจะเสนอจ่ายค่าตอบแทนค่าเช่าคืนเว็บไซต์ให้ผู้ลงทุนเป็นรายเดือน รวม 12 เดือน นอกจากนั้นผู้ลงทุนยังสามารถหาสมาชิกเพิ่ม โดยจะได้รับผลตอบแทนเป็นส่วนลดตามเงื่อนไข แบ่งเป็นค่าแนะนำสมาชิก และส่วนลดพิเศษ ซึ่งการเสนอผลประโยชน์ตอบแทนดังกล่าวมีอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา
ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการลงทุนทั้ง 2 รูปแบบด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง โดยเฉพาะธุรกิจใดๆ ที่เสนอผลประโยชน์ตอบแทนที่สูงมากในระยะเวลาสั้น โดยเฉพาะการลงทุนที่มีข้อตกลงจะจ่ายค่าตอบแทนในการแนะนำสมาชิกใหม่ด้วย ซึ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะอาจเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ ในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจใดๆ ที่อาจเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ หรือมีแชร์ลูกโซ่แอบแฝง ซึ่งเป็นการหลอกลวงและฉ้อโกงประชาชน ดีเอสไอขอให้เลิกการประกอบธุรกิจนั้นเสีย มิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด
