“ดีเอสไอ” นำตัว “ซาฟี อัมมหมัด” แขกขายโรตี นายหน้าส่งโรฮิงยาเข้าไทยฝากขังครั้งแรก คัดค้านประกันตัวเกรงหลบหนี
วันนี้ (21 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ยุทธภูมิ สันธนะจิตร พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมกำลังได้ควบคุมตัว นายซาฟี หรือซาฟรี อัมมหมัด อายุ 42 ปี ชาวโรฮิงยา อาชีพขายโรตี สัญชาติพม่า หรือบังกลาเทศ ผู้ต้องหาความหมายจับของศาลอาญาเลขที่ 460/2552 ฐานกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง มายื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาล เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.จนถึง 4 มี.ค. 52 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องสอบพยานอีก 10 ปาก รอผลตรวจลายนิ้วมือผู้ต้องหาจากทะเบียนประวัติอาชญากร
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ผู้ต้องหาสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ.52 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ร่วมกับศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ทำการจับกุมผู้ต้องหา หลังจากสืบทราบมาว่าผู้ต้องหารายนี้มีความเกี่ยวพันกับกลุ่มนายหน้าชักนำชาวโรฮิงยาเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับการประสานข้อมูลจากศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติว่ามีกลุ่มบุคคลหลายๆ กลุ่มซึ่งมีอิทธิพลชักนำกลุ่มขบวนการชาวโรฮิงยา เข้ามาในประเทศไทย มีการติดต่อระหว่างกลุ่มนายหน้าทั้งในและนอกประเทศ ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยชาวโรฮิงยาบางส่วนจะเข้ามาทำอาชีพขายโรตี แต่ก็มีกลุ่มที่ลักลอบนำเข้ายาเสพติดปะปนเข้ามา มีการปลอมหนังสือเดินทาง สวมบัตรประชาชน ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติอย่างมาก โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มีสัญชาติที่แน่นอน เกรงว่าหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้วอาจจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับคดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ให้มีมติรับเรื่อง “กรณีความผิดเกี่ยวกับขบวนการของนายหน้า ที่ลักลอบนำคนต่างด้าวโดยเฉพาะชาวโรฮิงยา เข้ามาในราชอาณาจักร เป็นความผิดตามพรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522” ให้เป็นคดีพิเศษที่จะต้องทำการสืบสวนตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง(2) แห่งพรบ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ซึ่ง กคพ. มีมติให้รับคดีพิเศษในการประชุมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา
ภายหลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกับศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ทำการตรวจค้นเป้าหมายตามหมายค้นของศาลอาญา ที่อยู่ในกลุ่มนายหน้ากระทำความผิดจำนวน 8 เป้าหมาย พบชาวโรฮิงยา พม่า บังกลาเทศ ที่หลบหนีเข้าเมืองมา 13 คน ส่วนใหญ่มีอาชีพขายโรตี ซึ่งได้นำส่งสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการต่อไปแล้วจำนวน 10 คน ส่วนอีก 3 คนน่าเชื่อว่าถูกค้ามนุษย์โดยกลุ่มนายหน้า จึงได้มอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดูแลตามระเบียบแล้ว
ดีเอสไอ “ท็อปฟอร์ม” จับ “โรฮิงยา” ขายโรตี 13 ราย!
วันนี้ (21 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ยุทธภูมิ สันธนะจิตร พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมกำลังได้ควบคุมตัว นายซาฟี หรือซาฟรี อัมมหมัด อายุ 42 ปี ชาวโรฮิงยา อาชีพขายโรตี สัญชาติพม่า หรือบังกลาเทศ ผู้ต้องหาความหมายจับของศาลอาญาเลขที่ 460/2552 ฐานกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง มายื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาล เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.จนถึง 4 มี.ค. 52 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องสอบพยานอีก 10 ปาก รอผลตรวจลายนิ้วมือผู้ต้องหาจากทะเบียนประวัติอาชญากร
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ผู้ต้องหาสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ.52 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ร่วมกับศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ทำการจับกุมผู้ต้องหา หลังจากสืบทราบมาว่าผู้ต้องหารายนี้มีความเกี่ยวพันกับกลุ่มนายหน้าชักนำชาวโรฮิงยาเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับการประสานข้อมูลจากศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติว่ามีกลุ่มบุคคลหลายๆ กลุ่มซึ่งมีอิทธิพลชักนำกลุ่มขบวนการชาวโรฮิงยา เข้ามาในประเทศไทย มีการติดต่อระหว่างกลุ่มนายหน้าทั้งในและนอกประเทศ ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยชาวโรฮิงยาบางส่วนจะเข้ามาทำอาชีพขายโรตี แต่ก็มีกลุ่มที่ลักลอบนำเข้ายาเสพติดปะปนเข้ามา มีการปลอมหนังสือเดินทาง สวมบัตรประชาชน ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติอย่างมาก โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มีสัญชาติที่แน่นอน เกรงว่าหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้วอาจจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องแล้วสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับคดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ให้มีมติรับเรื่อง “กรณีความผิดเกี่ยวกับขบวนการของนายหน้า ที่ลักลอบนำคนต่างด้าวโดยเฉพาะชาวโรฮิงยา เข้ามาในราชอาณาจักร เป็นความผิดตามพรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522” ให้เป็นคดีพิเศษที่จะต้องทำการสืบสวนตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง(2) แห่งพรบ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ซึ่ง กคพ. มีมติให้รับคดีพิเศษในการประชุมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา
ภายหลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกับศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ทำการตรวจค้นเป้าหมายตามหมายค้นของศาลอาญา ที่อยู่ในกลุ่มนายหน้ากระทำความผิดจำนวน 8 เป้าหมาย พบชาวโรฮิงยา พม่า บังกลาเทศ ที่หลบหนีเข้าเมืองมา 13 คน ส่วนใหญ่มีอาชีพขายโรตี ซึ่งได้นำส่งสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการต่อไปแล้วจำนวน 10 คน ส่วนอีก 3 คนน่าเชื่อว่าถูกค้ามนุษย์โดยกลุ่มนายหน้า จึงได้มอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดูแลตามระเบียบแล้ว
ดีเอสไอ “ท็อปฟอร์ม” จับ “โรฮิงยา” ขายโรตี 13 ราย!
