รมว.ยุติธรรม ลั่น ไม่ผิดหวังที่คดีซานติก้าไม่ถูกโอนเป็นคดีพิเศษ พร้อมเดินหน้าต่อดันเป็นคดีพิเศษอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไปของ กคพ.สั่งคณะทำงานยุติธรรมสืบสวนหาข้อมูลเตรียมเสนอใหม่
กรณีที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เป็นประธานการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวานนี้ (18 ก.พ.) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นคณะกรรมการเข้าร่วมประชุม อาทิ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เลขาธิการกฤษฎีกา ซึ่งที่ประชุมมีมติไม่รับโอนคดีเพลิงไหม้ซานติก้าผับ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นเจ้าของคดีต่อไปและให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้ครบในทุกประเด็น โดยไม่ได้ตั้งเงื่อนไขเวลาไว้
วันนี้ (19 ก.พ.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า สาเหตุที่ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติไม่รับโอนคดีเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ที่เกิดขึ้นช่วงเทศกาลรับปีใหม่ที่ผ่านมาจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบคดีต่อไป เนื่องจากมีคณะกรรมการคดีพิเศษจำนวนหนึ่ง พิจารณาในที่ประชุมแล้วเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีซานติก้าผับอยู่แล้ว และยังสามารถทำงานต่อไปได้ จึงยังไม่โอนเป็นคดีพิเศษ ซึ่งตนก็ไม่ได้ผิดหวัง แม้ว่ามีความตั้งใจที่จะเอาเข้าเป็นคดีพิเศษมาตั้งแต่แรก แต่ไม่เป็นไรได้สั่งให้คณะทำงานตรวจสอบของกระทรวงยุติธรรมดำเนินการสืบสวนหาหลักฐานและเตรียมข้อมูลไว้ และจะเสนอคดีเพลิงไหม้ซานติก้าผับเป็นคดีพิเศษอีกในการประชุมครั้งต่อไป เมื่อถามว่ากรณีที่ประชุมไม่โอนเป็นคดีพิเศษ อาจเป็นเพราะไม่มั่นใจในการทำงานของดีเอสไอหรือไม่
รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ไม่น่าใช่ เพียงแต่การไม่โอนมาเป็นคดีพิเศษดังกล่าว อาจทำให้การทำคดีซานติก้าผับเกิดปัญหาความล่าช้าได้
“อย่างไรก็ตาม ในการประชุม กคพ.วานนี้ ตนได้เข้าร่วมเฉพาะการประชุมช่วงแรก เมื่อกลับเข้ามาประชุมใหม่ในช่วงท้าย ก็ทราบว่าการพิจารณาคดีซานติก้าผับเสร็จสิ้นไปแล้ว โดยที่ประชุมมีมติไม่โอนเป็นคดีพิเศษ” นายพีระพันธุ์ กล่าว
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) กล่าวว่าล่าสุดรัฐมนตรียุติธรรมยืนยันแล้ว ว่าจะมีการนำคดีเพลิงไหม้ซานติก้าผับพิจารณาเป็นคดีพิเศษอีกครั้ง ดังนั้นกรณีความผิดที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีซานติก้าผับนั้น ทางป.ป.ท.จะดำเนินการตรวจสอบหาหลักฐานต่อไป หากตรวจสอบข้อเท็จจริงจนได้ข้อยุติแล้ว พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดจริง ก็จะส่งผลการตรวจสอบไปให้ต้นสังกัดลงโทษต่อไป และหากต้นสังกัดไม่พิจารณาลงโทษ ทางป.ป.ท.ก็จะพิจารณาลงโทษเอง หรือส่งไปให้ป.ป.ช.ดำเนินการแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ทางป.ป.ท.จะไม่นำผลการสอบสวนไปรวมกับสำนวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากในส่วนของป.ป.ท.ได้สอบสวนเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายในหลายประเด็นเช่นการหลีกเลี่ยงภาษีและใบอนุญาต แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนเฉพาะประเด็นสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ซานติก้าผับ
เลขาฯ ป.ป.ท. กล่าวต่อว่าระหว่างที่ประชุมพิจารณาคดีดังกล่าว นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรมติดภารกิจด่วน จึงมอบหมายให้ตนชี้แจงแทน ซึ่งที่ประชุมมีมติไม่รับเป็นคดีพิเศษ โดยยึดหลักเกณฑ์มติ 2 ใน 3 ของจำนวนคณะกรรมการคดีพิเศษที่เข้าร่วมประชุม