การจับกุมนายสราวุธ อะริยะ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ 9 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย นักร้องนำวงเบิร์น ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง เลขที่ ส.157/2552 ลงวันที่ 26 ม.ค.52 ในความผิดข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท และเป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ กรณีเหตุเพลิงไหม้ “ซานติก้าผับ” นั้นยังคงเป็นเรื่องที่ตำรวจต้องอธิบายให้กระจ่างต่อสังคม มากกว่าที่พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ควงคณะประกอบด้วย พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผบช.สนว. พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.ชนิน วชิรปาณีกูล รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ และพนักงานสอบสวนมาแถลงข่าวผ่านสื่อมวลชนที่สน.ทองหล่อ
มีคำถามเกิดขึ้นมากมายว่า การจับกุมนายสราวุธ เป็นการตัดตอนไม่ให้สาวถึงผู้ที่ต้องได้รับความผิด อาทิ เจ้าของและหุ้นส่วนของซานติก้าผับด้วยหรือไม่ เพราะหลังจากเกิดเหตุ ความเสียหายไม่ใช่แค่ทรัพย์สิน หรือตัวอาคารของผับเท่านั้น แต่ชีวิต และผู้บาดเจ็บจะได้รับการดูแลกันอย่างไร มูลค่าของชีวิตและอาการบาดเจ็บจนถึงขั้นอาจพิการของเหยื่อนั้นคงไม่สามารถที่จะประเมินเป็นตัวเงินได้ นายสราวุธ อะริยะ เป็นแค่ตัวละครที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาให้เป็น “แพะ” หรือไม่ ยังคงเป็นปริศนาที่หลายฝ่ายจะต้องทำให้กระจ่าง
กรณีที่ “เสี่ยขาว” นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หุ้นส่วนใหญ่ของซานติก้า ที่ออกมาระบุตั้งแต่เมื่อครั้งเข้ามอบตัวว่า จะเยียวยาช่วยเหลือเหยื่อที่เสียชีวิตในเบื้องต้นเป็นเงินศพละ 100,000 บาท ล่าสุดมียอดผู้เสียชีวิตรวม 66 ศพ หากตีมูลค่าศพละ 1 แสน “เสี่ยขาว” คงต้องควักเงิน 6,600,000 บาท ซึ่งจำนวนเงินแค่นี้ คงไม่ทำให้ขนหน้าแข้ง “เสียขาว” ร่วงได้ แต่ญาติของผู้เสียชีวิตเล่าจะยอมหรือไม่กับเงินจำนวนแค่ 1 แสนบาท เชื่อว่าเรื่องนี้คงเป็นคดีที่มีการฟ้องร้องกันอีกยาว
มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อข่าวการจับกุมนายสราวุธ ในฐานะนักร้องนำวงเบิร์น ที่เป็นผู้จุดพลุจนเป็นส่าเหตถุทำให้เกิดเพลิงไหม้ว่า พลุที่นำไปจุด ทางผับเป็นผู้จัดหาให้ใช่หรือไม่ หรือนายสราวุธเป็นคนตระเตรียมมาเอง หากทางผับเป็นผู้จัดหามาให้แล้วเกิดการผิดพลาดดังกล่าวจริง ผับจะต้องรับผิดชอบอย่างไร หรือหากนายสราวุธเตรียมพลุมาเองแล้วเกิดเหตุขึ้น ผับจะไม่ร่วมรับผิดชอบเชียวหรือ ซึ่งหากนายสราวุธผิดจริง คงต้องได้รับโทษติดคุก 10-20 ปี ส่วนการชดใช้ ที่ญาติของเหยื่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจะเรียกร้อง นายสราวุธจะนำมาจากไหน สมมติว่าหากญาติเหยื่อซานติก้าเรียกร้องเป็นเงินศพละ 1 ล้าน ก็จะเป็นจำนวนเงินถึง 66,000,000 ล้านบาททีเดียว ยังไม่รวมเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนไม่น้อย
แม้ตำรวจโดย พล.ต.อ.จงรักจะยืนยันว่า มีพยานมากมายที่ระบุว่า นายสราวุธเป็นต้นเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ เพราะเป็นคนจุดพลุ บอกตรงๆ ว่าคดีนี้มันมี “กลิ่น” มาตั้งแต่แรก เริ่มจากหลังเกิดเหตุ กว่าตำรวจจะแจ้งข้อหา “เสี่ยขาว” นั้น ใช้เวลาค่อนข้างนานผิดปกติ จนเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายวัน จึงเรียก “เสี่ยขาว” มารับทราบข้อกล่าวหา แม้ข้อกล่าวหา เบื้องต้นก็ดำเนินการในข้อหา ปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการ ต่อมาจึงมีการแจ้งข้อหาที่หนักขึ้น คือ กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส
มีข้อน่าสังเกตว่า ตำรวจจับกุมตัวนายสราวุธฐานเป็นต้นเหตุทำให้เกิดเพลิงไหม้ ที่ในการสอบสวนของตำรวจก็ยืนยันว่า นายสราวุธผิดจริง แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธ ซึ่งเรื่องนี้สมมติว่าหากคดีขึ้นสู่ศาล และมีพยานหลักฐานว่านายสราวุธผิดจริง ถามว่าญาติของเหยื่อผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจะฟ้องเรียกร้องค่าชดเชยได้จากใคร เจ้าของและหุ้นส่วนซานติก้าจะร่วมรับผิดชอบกับนายสราวุธหรือไม่
เรื่องนี้คงยังไม่จบง่ายๆ ด้วยการตัดตอนให้นายสราวุธมารับผิด แต่ยังมีผลการสอบสวนของคณะกรรมการจากกระทรวงยุติธรรม ซึ่งยังไม่ออกมา แต่คาดว่า ไม่นานจะได้รู้กันว่า “ตัวการ” ที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าวเป็นใคร และเรื่องนี้ ไม่ได้หมายความว่าตำรวจจับ “แพะ” แต่อยากให้ตำรวจกระทำทุกอย่างให้กระจ่างตรงไปตรงมา เพราะเบื้องต้น ตำรวจก็เป็นส่วนหนึ่งที่มำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ขึ้น ด้วยเหตุที่ว่า ทำไม ไม่สั่งปิดผับไม่มีใบอนุญาตที่ถูกจับถึง 47 ครั้ง!
มีคำถามเกิดขึ้นมากมายว่า การจับกุมนายสราวุธ เป็นการตัดตอนไม่ให้สาวถึงผู้ที่ต้องได้รับความผิด อาทิ เจ้าของและหุ้นส่วนของซานติก้าผับด้วยหรือไม่ เพราะหลังจากเกิดเหตุ ความเสียหายไม่ใช่แค่ทรัพย์สิน หรือตัวอาคารของผับเท่านั้น แต่ชีวิต และผู้บาดเจ็บจะได้รับการดูแลกันอย่างไร มูลค่าของชีวิตและอาการบาดเจ็บจนถึงขั้นอาจพิการของเหยื่อนั้นคงไม่สามารถที่จะประเมินเป็นตัวเงินได้ นายสราวุธ อะริยะ เป็นแค่ตัวละครที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาให้เป็น “แพะ” หรือไม่ ยังคงเป็นปริศนาที่หลายฝ่ายจะต้องทำให้กระจ่าง
กรณีที่ “เสี่ยขาว” นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หุ้นส่วนใหญ่ของซานติก้า ที่ออกมาระบุตั้งแต่เมื่อครั้งเข้ามอบตัวว่า จะเยียวยาช่วยเหลือเหยื่อที่เสียชีวิตในเบื้องต้นเป็นเงินศพละ 100,000 บาท ล่าสุดมียอดผู้เสียชีวิตรวม 66 ศพ หากตีมูลค่าศพละ 1 แสน “เสี่ยขาว” คงต้องควักเงิน 6,600,000 บาท ซึ่งจำนวนเงินแค่นี้ คงไม่ทำให้ขนหน้าแข้ง “เสียขาว” ร่วงได้ แต่ญาติของผู้เสียชีวิตเล่าจะยอมหรือไม่กับเงินจำนวนแค่ 1 แสนบาท เชื่อว่าเรื่องนี้คงเป็นคดีที่มีการฟ้องร้องกันอีกยาว
มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อข่าวการจับกุมนายสราวุธ ในฐานะนักร้องนำวงเบิร์น ที่เป็นผู้จุดพลุจนเป็นส่าเหตถุทำให้เกิดเพลิงไหม้ว่า พลุที่นำไปจุด ทางผับเป็นผู้จัดหาให้ใช่หรือไม่ หรือนายสราวุธเป็นคนตระเตรียมมาเอง หากทางผับเป็นผู้จัดหามาให้แล้วเกิดการผิดพลาดดังกล่าวจริง ผับจะต้องรับผิดชอบอย่างไร หรือหากนายสราวุธเตรียมพลุมาเองแล้วเกิดเหตุขึ้น ผับจะไม่ร่วมรับผิดชอบเชียวหรือ ซึ่งหากนายสราวุธผิดจริง คงต้องได้รับโทษติดคุก 10-20 ปี ส่วนการชดใช้ ที่ญาติของเหยื่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจะเรียกร้อง นายสราวุธจะนำมาจากไหน สมมติว่าหากญาติเหยื่อซานติก้าเรียกร้องเป็นเงินศพละ 1 ล้าน ก็จะเป็นจำนวนเงินถึง 66,000,000 ล้านบาททีเดียว ยังไม่รวมเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนไม่น้อย
แม้ตำรวจโดย พล.ต.อ.จงรักจะยืนยันว่า มีพยานมากมายที่ระบุว่า นายสราวุธเป็นต้นเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ เพราะเป็นคนจุดพลุ บอกตรงๆ ว่าคดีนี้มันมี “กลิ่น” มาตั้งแต่แรก เริ่มจากหลังเกิดเหตุ กว่าตำรวจจะแจ้งข้อหา “เสี่ยขาว” นั้น ใช้เวลาค่อนข้างนานผิดปกติ จนเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายวัน จึงเรียก “เสี่ยขาว” มารับทราบข้อกล่าวหา แม้ข้อกล่าวหา เบื้องต้นก็ดำเนินการในข้อหา ปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการ ต่อมาจึงมีการแจ้งข้อหาที่หนักขึ้น คือ กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส
มีข้อน่าสังเกตว่า ตำรวจจับกุมตัวนายสราวุธฐานเป็นต้นเหตุทำให้เกิดเพลิงไหม้ ที่ในการสอบสวนของตำรวจก็ยืนยันว่า นายสราวุธผิดจริง แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธ ซึ่งเรื่องนี้สมมติว่าหากคดีขึ้นสู่ศาล และมีพยานหลักฐานว่านายสราวุธผิดจริง ถามว่าญาติของเหยื่อผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจะฟ้องเรียกร้องค่าชดเชยได้จากใคร เจ้าของและหุ้นส่วนซานติก้าจะร่วมรับผิดชอบกับนายสราวุธหรือไม่
เรื่องนี้คงยังไม่จบง่ายๆ ด้วยการตัดตอนให้นายสราวุธมารับผิด แต่ยังมีผลการสอบสวนของคณะกรรมการจากกระทรวงยุติธรรม ซึ่งยังไม่ออกมา แต่คาดว่า ไม่นานจะได้รู้กันว่า “ตัวการ” ที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าวเป็นใคร และเรื่องนี้ ไม่ได้หมายความว่าตำรวจจับ “แพะ” แต่อยากให้ตำรวจกระทำทุกอย่างให้กระจ่างตรงไปตรงมา เพราะเบื้องต้น ตำรวจก็เป็นส่วนหนึ่งที่มำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ขึ้น ด้วยเหตุที่ว่า ทำไม ไม่สั่งปิดผับไม่มีใบอนุญาตที่ถูกจับถึง 47 ครั้ง!