“รองฯ เทพ” ประชุม ก.ตร.วันนี้ ไม่มีการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับสูง ระบุที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ขณะที่โฆษก ตร.ยอมรับหากกรณีของ พล.ต.ต.มานิย์ วงศ์สมบูรณ์ เข้าหลักเกณฑ์ก็สามารถกลับเข้ารับราชการได้ ส่วนรองฯ ธานี ปฏิเสธพบนายกฯด้วยเรื่อง 4 คดีดัง
วันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมประชุมโดยใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง
นายสุเทพ กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุม ก.ตร.ครั้งแรกประชุมเรื่องที่เป็นประจำในหน้าที่ ก.ตร.พิจารณากฎเกณฑ์ให้ความดีความชอบ ลงโทษหรือโยกย้าย เป็นเรื่องทั่วๆ ไป มีประเด็นปัญหาที่เกิดความสับสน เช่น ก.ตร.จะตั้งอนุกรรมการพิจารณาเรื่องวินัยตำรวจ อนุกรรมการตำรวจพิจารณาเสร็จแล้วสั่งลงโทษท่านหนึ่งท่านใดลงไปแล้วเสนอให้ ก.ตร.รับทราบแต่ต่อมานายตำรวจขออุธรณ์ ก.ตร.ก็ให้มีคณะกรรมการอุทธรณ์ขึ้นมา แล้วไปพิจารณาเสนอให้ ก.ตร.วินิจฉัยว่าเป็นธรรมหรือไม่ ไม่ได้มีเรื่องอะไรหรือกรณีใดเป็นพิเศษที่นำเรื่องนี้มาพิจารณาเป็นเรื่องการดูแลบุคลากรสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญใน ตร.หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มี ส่วนข่าวลือต่างๆ ว่ามีการฝากเด็กจากนายกรัฐมนตรี หรือพันธมิตรฯ มาดำรงแหน่งสำคัญใน ตร.นั้น ไม่มีเรื่องนี้อย่างแน่นอน สื่อต้องไม่เล่นข่าวลือ ไม่มีใครให้ส่งใครมา เรื่องแบบนี้ไม่มีในหัวสมองตนแน่นอน บ้านเมืองตอนนี้สับสนวุ่นวายมากแล้วอย่าไปซ้ำเติม ขอให้ดูการทำงานของตน จะตอบคำถามชี้แจงสื่อทุกอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐบาลจะให้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.มาดำรงตำแหน่งแทน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายสุเทพ กล่าวว่า นี่ก็เป็นตัวอย่างข่าวลือ เราไม่ควรเอามาใส่ใจ และในชีวิตตนเท่าที่จำได้ก็ไม่เคยคุย กับ พล.ต.ท.อัศวิน เลย
ต่อข้อถามที่ว่า มีการวางแผนแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับนายพลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีเพราะตำรวจมีกฎเกณฑ์กติกาอยู่แล้ว ยกเว้นเรื่องที่มีปัญหาก็จะมาทบทวนกัน
“ผมได้คุยกับ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.เรื่องที่ท่านทำงานอยู่อยากทราบคดีที่ท่านดำเนินการอยู่ให้รายงานให้ทราบไม่ได้ระบุเจาะจงว่าเป็นคดีใด และไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่นายกรัฐมนตรีเรียก พล.ตอ.ธานี ไปพบเมื่อเช้า นอกจากนั้นผมยังได้ถามผู้ที่รับผิดชอบคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าได้ดำเนินการอะไรบ้าง กี่คดี มีความคืบหน้าเพียงใดพร้อมให้ พล.ต.อ.พัชรวาท และรายงานให้ทราบ ซึ่งหากผมได้รับรายงานก็จะเรียนให้ทราบกันต่อไป” นายสุเทพ กล่าว
ส่วนกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เตรียมการอะไรเพราะทุกคนมีสิทธิชุมนุมภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ต่อไปถ้ามีทำเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดต้องดำเนินคดี หากตำรวจไม่ดำเนินคดีตนก็จะเล่นงานตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ฟ้องร้องหลังถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ กล่าวว่า ก็สามารถดำเนินการได้ตามสิทธิตามกฎหมาย แต่ตนย้ายนายพีรพลไปทำงานที่ทำเนียบเพราะเห็นว่ามีประโยชน์ต่อราชการมากกว่า
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะ โฆษก ตร.แถลงผลการประชุม ก.ตร.ว่า วาระการประชุมสำคัญคือเรื่องการอนุมิตเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่.... พ.ศ..... และร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนและเงินเงินประจำแหน่ง เพื่อปรับปรุงเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งข้าราชการตำรวจให้แยกมาจากกฎหมายเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งมากำหนดเอาไว้เป็นการเฉพาะ เพื่อปรับโครงสร้างเงินเดือนให้เหมาะสมกับหน้าที่ โดยเพิ่มเพดานเงินเดือนตำรวจที่เงินเดือนเต็มขั้นให้เพิ่มเงินเดือนได้อีกเช่นเดียวกับทหาร เช่นดาบตำรวจ จะมีขั้นเดือนเต็มที่ ป.3 ประมาณ 20,000 กว่าบาท แต่ร่างใหม่จะเลื่อนถึงขั้น ส.2 หรือเท่ากับ พ.ต.ต. หาก กม.ผ่านก็จะเงินเดือนสูงขึ้นเหมาะกับสภาพเศรษฐกิจ ในส่วนระดับสัญญาบัตรก็จะมีตั้งแต่ระดับ พ.ต.อ.พิเศษลงมา เช่น ร.ต.ต.-ร.ต.อ.จะรับเงินเดือนอัตรา ส.1 เมื่อเต็มเพดานก็จะไม่สามารถขึ้นเงินเดือนได้จนกว่าจะได้เลื่อนยศเป็น พ.ต.ต. แต่ พ.ร.บ.นี้จะให้รับเงินเดือนระดับ ส.2 ได้เลยโดยยังไม่จำเป็นต้องเลื่อนยศ
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่าอีกเรื่องที่มีการพิจารณาในวันนี้คือการแก้ไข พ.ร.บ. ตำรวจมาตรา 18 เป็น มาตรา 18 วรรค 1 ในการเสนองบประมาณรายจ่ายตามมติ ก.ตร. ในการสืบสวนสอบสวน ปราบปราม ค่าน้ำมัน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ กฎหมายให้รัฐให้การสนับสุนแต่ต้องเสนอร่างงบประมาณผ่าน ก.ตร.ให้การสนับสนุนและส่งให้รัฐบาล การมีร่างกฎหมายนี้เพิ่มทำให้รัฐาลให้ความสำคัญตำรวจ เนื่องจากงบประมาณในส่วนตำรวจมีน้อย 72 เปอร์เซ็นต์ก็เป็นเงินเดือน ส่วน28 เปอร์เซ็นต์ก็เป็นค่าใช้จ่ายอื่น อีก 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นงบก่อสร้างซึ่งน้อยมาก เมื่อเสนอร่างนี้ให้รัฐบาลหากเห็นชอบส่งให้สภาพิจารณาต่อไป
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า เรื่องสำคัญที่มีการพิจารณาอีกเรื่อง คือ การให้ข้าราชการตำรวจที่ถูกไล่ออก ปลดออกจากราชการแล้วได้รับการพิจารณาจากองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้ง อนุ ก.ตร. อุทธรณ์ อนุ ก.ตร.วินัย หรือศาลปกครอง มีคำสั่งให้กลับเข้ารับราชการซึ่งตำรวจชั้นผู้น้อยนั้นไม่มีปัญหาเพราะกลับเข้ามาได้ทันทีเนื่องจากมีตำแหน่งอยู่แล้ว แต่ตำรวจระดับสูงมักจะมีปัญหาเนื่องจากไม่มีตำแหน่งให้จึงเสนอ ก.ตร.ให้อนุมัติหลักการณ์ให้แต่งตั้งมาอยู่ในตำแหน่งประจำในหน่วยงานนนั้นก่อน แต่มีข้อแม้ให้เข้าสู่ตำแหน่งหลักในโอกาสแรกในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน - 1 ปี ซึ่งหาก พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ อดีต ผบก.น.6 เข้าหลักเกณฑ์นี้ ก็สามารถพิจารณาให้กลับเข้ามารับราชการตำรวจตามหลักเกณฑ์นี้ได้ และเรื่องสุดท้ายเป็นการให้ที่ประชุมรับทราบการโปรดเกล้าฯ พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง และนายตำรวจอีก 4 นายไปเป็นตำรวจประจำราชสำนัก ส่วนเรื่องการแต่งตั้งนายตำรวจนั้นไม่มีในวันนี้
ด้าน พล.ต.อ.ธานี กล่าวเพียงว่า การเดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีในวันนี้ นายกฯไม่ได้สั่งการอะไร ไม่มีเรื่อง 4 คดีที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวการที่นายกรัฐมนตรีเรียก พล.ต.อ.ธานี ไปพบในวันนี้เป็นการสอบถามความคืบหน้าคดีนายสมชาย นีละไพจิตร ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ไม่ได้มีการสั่งการให้รื้อฟื้นคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแต่อย่างใด