“เทพเทือก” นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร.พุธนี้ โดยไม่มีวาระการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับนายพลเข้าสู่การพิจารณา แต่คาดอาจมีการพิจารณาการกลับเข้ารับราชการของ “พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์” อดีต ผบก.น.6 ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดจนถูกให้ออกจากราชการ
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานตามกำหนดการที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 1/2552 ในวันที่ 21 ม.ค. เวลา 10.00 น.ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคาร 1 ยังคงเป็นไปตามเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับวาระที่ต้องพิจารณาหลายเรื่อง เช่น พิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง เรื่องศาลอาญากรุงเทพใต้มีหมายเรียกรายงานผลการประชุม ก.ตร. เรื่องการสั่งให้ข้าราชการตำรวจประจำส่วนราชการ เรื่องแต่งตั้งพนักงานสอบสวน (สบ 4) และเรื่องแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
ส่วนวาระแต่งตั้งข้าราชการตำรวจนั้นจะมีการเสนอแต่งตั้งนายพลตำรวจลงในตำแหน่งที่ว่างลง และตำแหน่งที่เปิดใหม่หลายตำแหน่ง โดยขณะนี้มีตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ว่าง ลง 1 ตำแหน่ง หลังจาก พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง ไปเป็นหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ ทั้งนี้ หากมีการเสนอผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นแทนก็จะเปิดตำแหน่งว่างไล่ระดับจนถึงผู้บังคับการ รวมถึงการแต่งตั้งผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศปก.จชต) รอง ผบช.ศปก.จชต และผู้บังคับการในสังกัดอีกหลายตำแหน่ง ทั้งนี้ คาดว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้จะมีการสับเปลี่ยนผู้บัญชาการหน่วยสำคัญ และผู้บังคับการจังหวัดหลายตำแหน่ง ซึ่งมีรายงานอาจมีการเลื่อนการพิจารณาออกไป เนื่องจากนายสุเทพได้ออกมากล่าวด้วยตนเองว่ายังไม่มีความจำเป็นในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงนี้ อีกทั้งยังไม่มีการเรียกประชุมบอร์ดพิจารณากลั่นกรองเพื่อแต่งตั้งโยกย้าย
มีรายงานว่า ในการประชุม ก.ตร.ในนัดนี้อาจมีการพิจารณาการกลับเข้ารับการตำรวจของพล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ อดีต ผบก.น.6 และ ผบก.น.1 ซึ่งถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่กรณีเหตุการณ์หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ตำรวจปล่อยให้อันธพาล เข้าทำร้ายประชาชนที่ไปต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรี ซึ่งถูกให้ออกจากราชการ โดยมีรายงานว่าศาลปกครอ มีคำสั่งให้ ก.ตร.รับพิจารณาเรื่องดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ถือเป็นอำนาจของ ก.ตร.ที่จะรับผิดจารณาเรื่องดังกล่าวหรือไม่