ASTVผู้จัดการรายวัน – “อภิสิทธิ์” มั่นใจ “เทพเทือก”ไม่ฉวยโอกาสรักษาการนายกฯเรียก ปช.กตช.เลือก ผบ.ตร.คนใหม่ ไฟเขียว “ธานี”แต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพล อ้างฝ่ายตำรวจยืนยันทำไม่ทัน 1 ตุลาส่งผลหลายคนเสียสิทธิ์ ย้อนหลังไม่ได้ กำชับต้องเป็นธรรม ลดความขัดแย้ง-ไม่ฝัก แบ่งฝ่ายภายใน พร้อมยันผู้ที่มีสิทธิ์เป็นผบ.ตร.มีส่วนร่วมในการทำโผด้วย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศหลายวัน โดยมอบให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการแทน ซึ่งสงสัยกันว่ากำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ว่า เมื่อเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 ก.ย..ผ่านพ้นไปแล้ว ก็ทำให้สบายใจขึ้น แต่ก็ไม่ได้ตั้งอยู่บนความประมาทอะไรทั้งสิ้น
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ความมั่นคงจะยกเลิกในวันอังคารที่ 22 ก.ย.นี้ ซึ่งการยกเลิกมีขั้นตอนของมัน แต่จริงๆ แล้วไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว และจะเห็นว่าช่วงที่ไม่ได้มีการชุมนุม พ.ร.บ.ความมั่นคงก็ไม่ได้กระทบอะไรใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข้อสงสัยกันว่าเมื่อนายกฯไม่อยู่ นายสุเทพทำหน้าที่รักษาการแทนสามารถเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กตช.) ได้หรือไม่ นายอภิสิทิ์ กล่าวว่า ท่านไม่เรียกหรอกครับ ส่วนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (กตร.) นั้น เป็นเรื่องที่นายสุเทพทำอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อวันนที่ 19 ก.ย. ตนได้สอบถามถึงความเรียบร้อย พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะรักษาการ ผบ.ตร. บอกว่าจะประชุมในวันจันทร์ที่ 21 ก.ย.นี้และในวันจันทร์ต่อไปอีกรอบหนึ่ง น่าจะเรียบร้อยไม่น่าจะมีอะไร
ต่อข้อถามว่ามีคำครหาออกมาว่าพล.ต.อ.ธานี ทำหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร. ไม่ควรที่แต่งตั้งใคร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อันนี้ได้พูดคุยกันเรื่องของกรอบเวลา เข้าใจว่าการแต่งตั้งเขาทำค่อนข้างจำกัดและทำเพื่อไม่ให้เกิดการเสียสิทธิ์ คือหากช้ากว่า 1 ตุลาคมหลายคนจะเสียสิทธิ์ ย้อนไม่ได้ ตรงนี้ทางฝ่ายตำรวจยืนยันกับตนเอง หมายความว่าไม่ได้ทำเยอะไปหมด ทำเท่าที่คิดว่าเหมาะสมที่จะทำ เมื่อถามว่าตำแหน่งระดับนายพลใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช่ครับ
เมื่อถามย้ำว่าในมติครม.ระบุว่าคนที่จะเกษียณอายุราชการไม่มีสิทธิ์ที่จะแต่งตั้งโยกย้ายภายใน 60 วัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อันนี้เป็นเรื่องของ กตร.ที่จะต้องไปดู แต่สิ่งที่ตนให้นโยบายไปคือทำอย่างไรจะลดความขัดแย้ง ต้องยอมรับว่ามีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ฉะนั้นการโยกย้ายต่างตั้งต้องดูให้เกิดความเป็นธรรมและไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เมื่อถามว่าจะยุติธรรมกับคนใหม่ที่จะมาเป็นผบ.ตร.หรือไม่ เพราะเหมือนกับเขาไม่ได้เป็นคนวางกำลังเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนที่อยู่ในข่ายที่จะเป็นก็ได้มีส่วนร่วมในการทำตรงนี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศหลายวัน โดยมอบให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการแทน ซึ่งสงสัยกันว่ากำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ว่า เมื่อเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 ก.ย..ผ่านพ้นไปแล้ว ก็ทำให้สบายใจขึ้น แต่ก็ไม่ได้ตั้งอยู่บนความประมาทอะไรทั้งสิ้น
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ความมั่นคงจะยกเลิกในวันอังคารที่ 22 ก.ย.นี้ ซึ่งการยกเลิกมีขั้นตอนของมัน แต่จริงๆ แล้วไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว และจะเห็นว่าช่วงที่ไม่ได้มีการชุมนุม พ.ร.บ.ความมั่นคงก็ไม่ได้กระทบอะไรใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข้อสงสัยกันว่าเมื่อนายกฯไม่อยู่ นายสุเทพทำหน้าที่รักษาการแทนสามารถเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กตช.) ได้หรือไม่ นายอภิสิทิ์ กล่าวว่า ท่านไม่เรียกหรอกครับ ส่วนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (กตร.) นั้น เป็นเรื่องที่นายสุเทพทำอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อวันนที่ 19 ก.ย. ตนได้สอบถามถึงความเรียบร้อย พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะรักษาการ ผบ.ตร. บอกว่าจะประชุมในวันจันทร์ที่ 21 ก.ย.นี้และในวันจันทร์ต่อไปอีกรอบหนึ่ง น่าจะเรียบร้อยไม่น่าจะมีอะไร
ต่อข้อถามว่ามีคำครหาออกมาว่าพล.ต.อ.ธานี ทำหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร. ไม่ควรที่แต่งตั้งใคร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อันนี้ได้พูดคุยกันเรื่องของกรอบเวลา เข้าใจว่าการแต่งตั้งเขาทำค่อนข้างจำกัดและทำเพื่อไม่ให้เกิดการเสียสิทธิ์ คือหากช้ากว่า 1 ตุลาคมหลายคนจะเสียสิทธิ์ ย้อนไม่ได้ ตรงนี้ทางฝ่ายตำรวจยืนยันกับตนเอง หมายความว่าไม่ได้ทำเยอะไปหมด ทำเท่าที่คิดว่าเหมาะสมที่จะทำ เมื่อถามว่าตำแหน่งระดับนายพลใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช่ครับ
เมื่อถามย้ำว่าในมติครม.ระบุว่าคนที่จะเกษียณอายุราชการไม่มีสิทธิ์ที่จะแต่งตั้งโยกย้ายภายใน 60 วัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อันนี้เป็นเรื่องของ กตร.ที่จะต้องไปดู แต่สิ่งที่ตนให้นโยบายไปคือทำอย่างไรจะลดความขัดแย้ง ต้องยอมรับว่ามีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ฉะนั้นการโยกย้ายต่างตั้งต้องดูให้เกิดความเป็นธรรมและไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เมื่อถามว่าจะยุติธรรมกับคนใหม่ที่จะมาเป็นผบ.ตร.หรือไม่ เพราะเหมือนกับเขาไม่ได้เป็นคนวางกำลังเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนที่อยู่ในข่ายที่จะเป็นก็ได้มีส่วนร่วมในการทำตรงนี้