xs
xsm
sm
md
lg

“จงรัก” ลิ้นสองแฉก! ยันเอาผิด “เสื้อแดง-เสื้อเหลือง” เท่าเทียมกัน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร.
รอง ผบ.ตร.ระบุเหตุปาระเบิดเอ็ม 79 ใส่กลุ่มพันธมิตรฯ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างทำคดี ส่วนคดีบุกยึดทำเนียบรัฐบาลได้สอบสวนเสร็จสิ้นส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาแล้ว ย้ำ สตช.ไม่เลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่ม หากการชุมนุมละเมิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดีไม่ว่าเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง

วันนี้ (13 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้ได้มีการประชุมเร่งรัดคดีที่กลุ่มพันธมิตรฯ บุกยึดทำเนียบรัฐบาล สนามบินสุวรรณภูมิ และทำเนียบชั่วคราวสนามบินดอนเมือง ซึ่งการดำเนินคดีต่อกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นตำรวจไม่ได้ละเว้นเหรือวางเฉยได้มีการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคดีการบุกยึดสนามบินทั้งสองแห่งนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบสวนพยานบุคคลไปแล้วกว่า 300 ปาก การสอบสวนมีความคืบหน้าไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ และทำการสอบสวนต่อไปอีกประมาณ 3-4 สัปดาห์ ก็สามารถออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งผู้ต้องหาที่จะออกหมายจับนั้นดำเนินไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถระบุได้

“ส่วน 5 แกนนำจะถูกออกหมายจับหรือไม่นั้นก็ต้องดูไปตามพยานหลักฐาน ถ้าพยานหลักฐานพาดพิงไปยังแกนนำผู้ใดก็ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ได้สอบพยานบุคคลและพยานต่างๆ อยู่ทั้ง 300 ปาก ต้องมาแยกแยะว่ามีใครยืนยันใครบ้างในรายละเอียด” พล.ต.อ.จงรักกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมามีพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายชัดเจนว่าแกนนำพันธมิตรฯ เป็นคนนำกลุ่มผู้ชุมนุมไป รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งภาพถ่ายซีดีต่างๆ ซึ่งหากสื่อมวลชนได้นำไปออกเผยแพร่ตามช่องต่างๆ ก็ให้นำมาประกอบด้วย และลำดับเหตุการณ์มีภาพประกอบทั้งหมด

ต่อข้อถามที่ว่าแกนนำพันธมิตรฯ หลายคนได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรีและเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลจะเป็นอุปสรรคในการสอบสวนหรือไม่ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า คงไม่เป็นอุปสรรคพนักงานสอบสวน และไม่มีผลต่อการทำงาน ทุกอย่างดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ตามขั้นตอนตามหน้าที่ ซึ่งยืนยันไม่มีฝ่ายการเมืองเข้ามากดดัน นายกรัฐมนตรีเองก็บอกว่าให้ดำเนินการทุกอย่างไปตามกฎหมาย และยืนยันว่าไม่เป็นลักษณะมวยล้มต้มคนดู

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า คดีบุกยึดสนามบินมีทั้งส่วนของตำรวจนครบาล และตำรวจภูธร มีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางคดี และมอบหมายให้สอบสวนพยานอีกหลายปาก และมีผู้เสียหายเพิ่มเข้ามา คือ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 30 ล้าน และการบินไทยเรียกค่าเสียหาย 18,000 ล้านบาท ในส่วนนี้พนักงานสอบสวนจำเป็นต้องนำคำฟ้องมาพิจารณาประกอบสำนวนการสอบสวนด้วย เพื่อให้ทราบถึงพฤติการณ์ในการกระทำผิดรวมทั้งค่าเสียหายทั้งหมด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้เลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หากการชุมนุมไม่เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมีการละเมิดกฎหมายก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งสิ้นไม่ว่าเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า การดำเนินคดีในส่วนของการบุกยึดทำเนียบรัฐบาลนั้นได้ดำเนินคดีต่อ 9 แกนนำไปแล้ว ในความผิดฐานกระทำปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล และมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ส่วนความผิดฐานร่วมกันสะสมอาวุธ ตระเตรียมการหรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฎนั้นมีความเห็นสั่งไปฟ้อง เนื่องจากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับในข้อหานี้

“คดีบุกยึดทำเนียบรัฐบาล พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปให้พนักงานอัยการพิจารณาแล้วตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาแล้ว ส่วนคดียิงระเบิด เอ็ม 79 เข้าไปยังกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและพนักงานสอบสวนก็กำลังอยู่ระหว่างทำคดี” รอง ผบ.ตร.กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น