“หุ้นส่วนใหญ่-ผู้ดำเนินงานระดับสูง” จัดงานเคานต์ดาวน์ “ซานติก้ามรณะ” ยังไม่เดินทางเข้าให้ปากคำ มีเพียงทีมพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์บางส่วนได้เข้าพบพนักงานสอบสวน ส่วนญาติเหยื่อยังคงทยอยแจ้งความจำนงขอความช่วยเหลือด้านเงินจากทีมงานซานติก้าผับ และบางรายยังไม่กล้ารับเงินไปเนื่องจากเกรงว่าคดีจะสิ้นสุด เพราะสัญญารับเงินไม่ได้ระบุว่าเป็นค่าเสียหายเบื้องต้น
วันนี้ (8 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ สน.ทองหล่อ ว่ามีญาติของผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บประมาณ 10 ราย ทยอยเข้าแจ้งความประสงค์ขอความช่วยเหลือเงินกับทีมงานซานติก้าผับ ที่ตั้งศูนย์ช่วยเหลืออยู่ที่ห้องฝ่ายปฏิบัติการจราจร สน.ทองหล่อ โดยญาติบางรายยังไม่กล้ารับเงินจากทางบริษัท เนื่องจากในหนังสือสัญญาที่ผู้เสียหายต้องเซ็นชื่อรับเงินในสัญญาไม่ได้ระบุว่าเป็นค่าเสียหายเบื้องต้น และยังมีการถ่ายรูปไว้หลักฐาน ซึ่งผู้เสียหายเกรงว่าพอรับเงินดังกล่าวแล้วจะกลับกลายเป็นว่าคดีสิ้นสุดไม่สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางกฎหมายได้อีก ญาติบางคนไม่พอใจ และถอนตัวไม่รับเงินช่วยเหลือจากบริษัท
ต่อมาเวลา 11.00 น.ได้มีเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางเข้าร่วมประชุมกับ พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น.5 หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ และพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวนนัดทีมงานจัดงานในวันเกิดเหตุที่ปรากฏชื่ออยู่ในปกซีดีจำนวน 13 คน ทยอยเข้าให้ปากคำก่อนวันที่ 9 ม.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายนั้น มีเพียงพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์และทีมงาน 4-5 คน เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้วเท่านั้น ที่เหลือเป็นผู้ดำเนินงานระดับสูง และมีหุ้นส่วนใหญ่ๆ ซึ่งตลอดทั้งวันยังไม่มีใครเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนได้ตั้งประเด็นการสอบสวนในคืนวันที่เกิดเหตุมุ่งไปในช่วงก่อนจัดงานเคานต์ดาวน์ตอนเที่ยงคืนมีการจัดงานหรือแสดงอะไรบนเวทีบ้าง เนื่องจากสันนิษฐานว่าต้นเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้นั้นมาจากเอฟเฟกต์บนเวทีหลังงานเคานต์ดาวน์ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้างที่ใช้เป็นเอฟเฟกต์ ซึ่งอาจจะมีส่วนเป็นเชื้อเพลิงทำให้เกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว
มีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้หาพยายามหลักฐานเพิ่มเติม เช่นคลิปโทรศัพท์มือถือของผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิตรักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ เพราะอาจจะมีบางรายถ่ายคลิปทางโทรศัพท์มือถือเก็บไว้เป็นบรรยากาศช่วงพิธีเคานต์ดาวน์ โดยตำรวจมุ่งเน้นรูปที่ถ่ายหันไปบริเวณหน้าเวที เพื่อนำมาเป็นหลักฐาน และวิเคราะห์หาสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้
ส่วนบรรยากาศที่ซานติก้าผับนั้น เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานร่วมกับเจ้าหน้าที่โยธา สำนักงานเขตวัฒนา เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุภายในสถานบันเทิงอีกครั้ง โดยเน้นตรวจบริเวณเวทีการแสดง เก็บหลักฐานเพิ่มเติม นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานยังได้เก็บโทรศัพท์มือถือตกอยู่ในที่เกิดเหตุประมาณ 10 กว่าเครื่อง นำไปส่งมอบให้กับ พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร หัวหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อนำไปตรวจสอบซิมการ์ดว่าเป็นของผู้ใด หรือบุคคลใดที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุบ้าง
ส่วนที่บริเวณหน้าซานติก้าผับยังมีประชาชนเดินทางมาดูที่เกิดเหตุใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเป็นระลึก จนกระทั่งช่วง 13.00 น.ได้มีพนักงานของซานติก้าผับขออนุญาตเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเก็บอุปกรณ์สำนักงานในสถานบันเทิงที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือ ไฟประดับ เป็นต้น เนื่องจากเกรงว่าทรัพย์อาจจะถูกคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ได้
วันนี้ (8 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ สน.ทองหล่อ ว่ามีญาติของผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บประมาณ 10 ราย ทยอยเข้าแจ้งความประสงค์ขอความช่วยเหลือเงินกับทีมงานซานติก้าผับ ที่ตั้งศูนย์ช่วยเหลืออยู่ที่ห้องฝ่ายปฏิบัติการจราจร สน.ทองหล่อ โดยญาติบางรายยังไม่กล้ารับเงินจากทางบริษัท เนื่องจากในหนังสือสัญญาที่ผู้เสียหายต้องเซ็นชื่อรับเงินในสัญญาไม่ได้ระบุว่าเป็นค่าเสียหายเบื้องต้น และยังมีการถ่ายรูปไว้หลักฐาน ซึ่งผู้เสียหายเกรงว่าพอรับเงินดังกล่าวแล้วจะกลับกลายเป็นว่าคดีสิ้นสุดไม่สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางกฎหมายได้อีก ญาติบางคนไม่พอใจ และถอนตัวไม่รับเงินช่วยเหลือจากบริษัท
ต่อมาเวลา 11.00 น.ได้มีเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางเข้าร่วมประชุมกับ พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น.5 หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ และพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวนนัดทีมงานจัดงานในวันเกิดเหตุที่ปรากฏชื่ออยู่ในปกซีดีจำนวน 13 คน ทยอยเข้าให้ปากคำก่อนวันที่ 9 ม.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายนั้น มีเพียงพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์และทีมงาน 4-5 คน เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้วเท่านั้น ที่เหลือเป็นผู้ดำเนินงานระดับสูง และมีหุ้นส่วนใหญ่ๆ ซึ่งตลอดทั้งวันยังไม่มีใครเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนได้ตั้งประเด็นการสอบสวนในคืนวันที่เกิดเหตุมุ่งไปในช่วงก่อนจัดงานเคานต์ดาวน์ตอนเที่ยงคืนมีการจัดงานหรือแสดงอะไรบนเวทีบ้าง เนื่องจากสันนิษฐานว่าต้นเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้นั้นมาจากเอฟเฟกต์บนเวทีหลังงานเคานต์ดาวน์ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้างที่ใช้เป็นเอฟเฟกต์ ซึ่งอาจจะมีส่วนเป็นเชื้อเพลิงทำให้เกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว
มีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้หาพยายามหลักฐานเพิ่มเติม เช่นคลิปโทรศัพท์มือถือของผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิตรักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ เพราะอาจจะมีบางรายถ่ายคลิปทางโทรศัพท์มือถือเก็บไว้เป็นบรรยากาศช่วงพิธีเคานต์ดาวน์ โดยตำรวจมุ่งเน้นรูปที่ถ่ายหันไปบริเวณหน้าเวที เพื่อนำมาเป็นหลักฐาน และวิเคราะห์หาสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้
ส่วนบรรยากาศที่ซานติก้าผับนั้น เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานร่วมกับเจ้าหน้าที่โยธา สำนักงานเขตวัฒนา เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุภายในสถานบันเทิงอีกครั้ง โดยเน้นตรวจบริเวณเวทีการแสดง เก็บหลักฐานเพิ่มเติม นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานยังได้เก็บโทรศัพท์มือถือตกอยู่ในที่เกิดเหตุประมาณ 10 กว่าเครื่อง นำไปส่งมอบให้กับ พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร หัวหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อนำไปตรวจสอบซิมการ์ดว่าเป็นของผู้ใด หรือบุคคลใดที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุบ้าง
ส่วนที่บริเวณหน้าซานติก้าผับยังมีประชาชนเดินทางมาดูที่เกิดเหตุใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเป็นระลึก จนกระทั่งช่วง 13.00 น.ได้มีพนักงานของซานติก้าผับขออนุญาตเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเก็บอุปกรณ์สำนักงานในสถานบันเทิงที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือ ไฟประดับ เป็นต้น เนื่องจากเกรงว่าทรัพย์อาจจะถูกคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ได้