“เลขาธิการศาลปกครอง” ทำหนังสือชี้แจงศาลปกครองไม่มีส่วนร่วมเป็นต้นเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ หลัง ตร.ให้ข่าวศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวซานติก้าดำเนินกิจการ ระบุ จงรักษ์ ให้ข่าวอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทศาลได้ โดยคดีดังกล่าวผู้ประกอบการยื่นฟ้องว่าตำรวจทองหล่อออกใบอนุญาตล่าช้า ไม่เกี่ยวประเด็นแบบก่อสร้างอาคารซานติก้าผับถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวได้ถูกศาลปกครองสูงสุดเพิกถอนไปแล้วตั้งแต่ปี 2547
จากกรณีที่ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์กรณีซานติก้าผับ ย่านเอกมัย เกิดเพลิงไหม้ว่า จากการตรวจสอบพบว่าสถานบันเทิงแห่งนี้เคยทำเรื่องขอใบอนุญาตเมื่อปี 2547 แต่สถานที่ก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จดีจึงไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ทำให้ทางร้านยื่นเรื่องต่อทางศาล และศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้เปิดกิจการได้
วันนี้ (3 ม.ค.) นายสุชาติ เวโรจน์ เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ทำหนังสือชี้แจงผ่านสื่อมวลชนว่าขณะนี้มีข่าวจากผู้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในทำนองที่ชวนให้สังคมเข้าใจว่าศาลปกครองมีส่วนในการทำให้เกิดเหตุเสียหายกรณีซานติก้าผับเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ด้วย โดยได้มีการให้ข่าวในทำนองว่าอาคารซานติก้าผับสร้างไม่ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนดรวมทั้งขณะยื่นขออนุญาต อาคารที่ยื่นขอก็ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ และอยู่นอกพื้นที่อนุญาตให้จัดตั้งสถานบริการ (โซนนิ่ง) ดังนั้น ตำรวจจึงไม่อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิง แต่ต่อมาผู้ประกอบการได้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองและศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ผู้ประกอบการเปิดดำเนินกิจการต่อไปได้นั้น
สำนักงานศาลปกครองขอชี้แจงว่า ผู้ประกอบการยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 17 พ.ค.47 โดยอ้างว่าได้ยื่นขออนุญาตจัดตั้งสถานบันเทิงตามเงื่อนไขของกฎหมายต่อผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ผู้ถูกฟ้อง แต่ ผกก.สน.ทองหล่อ ผู้ถูกฟ้องละเลยล่าช้าไม่ออกใบอนุญาตจัดตั้งสถานบริการ ทำให้ผู้ประกอบการถูกจับกุมในข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ประกอบการจึงขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งต่อมาวันที่ 2 ก.ค.47 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว แต่ภายหลังมีการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเมื่อวันที่ 14 ต.ค.47 ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว จึงได้ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองกลาง
ส่วนคดีที่ยื่นฟ้องนั้น ต่อมาวันที่ 7 มี.ค.50 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้ ผกก.สน.ทองหล่อ กับพวก ผู้ถูกฟ้อง แพ้คดี โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ผู้ประกอบการได้ยื่นแจ้งตั้งสถานบริการโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ด้วยเหตุผลว่า 1.ผู้ขออนุญาตจัดตั้งสถานบริการ มีคุณสมบัติตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 มาตรา 4. คืออายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียบกพร่องในศีลธรรมอันดี ไม่เป็นผู้วิกลจริต ไม่เป็นโรคติดต่อหรือไม่เป็นผู้ต้องรับโทษในความผิดเกี่ยวกับเพศ เป็นต้น
2.สถานที่ตั้งของสถานบริการไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 มาตรา 7 ซึ่งห้ามตั้งสถานบริการที่อยู่ใกล้ชิดวัด โรงเรียน โรงพยาบาล สโมสรเยาวชน หอพัก และไม่อยู่ในย่านที่ประชาชนอยู่อาศัยอันจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ รวมทั้งมีทางถ่ายเทอากาศสะดวก และ 3.ผู้ประกอบการยื่นเอกสารหลักฐานครบถ้วนตามกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2525) ออกตามความในพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509
นอกจากนี้ คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ยังเห็นว่า ไม่มีกฎหมายกำหนดให้ขณะยื่นแจ้งตั้งสถานบริการดังกล่าว ต้องมีอาคารสถานที่อันเป็นที่ตั้งของสถานบริการที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพราะในการยื่นขออนุญาต ผู้ประกอบการต้องยื่นแบบแปลนและผังก่อสร้างอาคารที่ผ่านความเห็นชอบของเจ้าหน้าที่โยธา กรุงเทพมหานคร แนบให้ตำรวจพิจารณาอยู่แล้ว ส่วนในกรณีที่ตำรวจแจ้งว่าซานติก้าผับ อยู่อยู่นอกเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการกรุงเทพมหานคร (โซนนิ่ง) ศาลเห็นว่า ผู้ประกอบการได้ยื่นคำร้องขอแจ้งการตั้งสถานบริการต่อเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.46 ซึ่งเป็นวันที่ก่อนพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2546 จะใช้บังคับวันที่ 29 ธ.ค.46 จึงสามารถขอให้อนุญาตจัดตั้งสถานบริการได้ ดังนั้นการใช้ดุลพินิจในการออกคำสั่งไม่อนุญาตให้ตั้งสถานบริการดังกล่าวของตำรวจ ผู้ถูกฟ้องจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ซึ่งคดีนี้ต่อมาวันที่ 19 เม.ย.50 ฝ่ายตำรวจ ผู้ถูกฟ้อง ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด และขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
ทั้งนี้ เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ยังชี้แจงอีกว่า ความถูกหรือผิดตามแบบของอาคารแซนติก้าผับ เป็นเรื่องของตำรวจและเจ้าหน้าที่โยธาของกรุงเทพมหานครที่จะต้องวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวกับศาลปกครองแต่ประการใด เพราะการพิจารณาของศาลเป็นเรื่องกรณีที่ตำรวจละเลยล่าช้าในการออกใบอนุญาตสถานบริการซานติก้าเท่านั้น และไม่มีประเด็นเรื่องความถูกผิดตามกฎหมายของแบบอาคารแซนติก้าผับ มาให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวอย่างที่เป็นข่าวแต่ประการใด โดยเป็นไปไม่ได้ที่ศาลปกครองจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาในเรื่องที่ผิดกฎหมาย การให้ข่าวในทำนองชวนให้สังคมเข้าใจว่าศาลปกครองมีส่วนร่วมเป็นต้นเหตุของการทำให้เกิดเหตุร้ายครั้งนี้ อาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทศาลได้