“วงเบิร์น” โผล่ ปัดไม่เกี่ยวจุดเอฟเฟกต์ โยนมีทีมงานดูแลเรื่องเอฟเฟกต์โดยเฉพาะ ส่วนนักร้องนำระบุนอนไม่หลับภาพเหตุการณ์ติดตา เสียใจแฟนคลับ พนักงานและคนรู้จักต้องมาจบชีวิต ด้านโจ๋ลองของพิสูจน์ความเชื่อบุกดู “ผีซานติก้า” ผงะถ่ายภาพติดวิญญาณ
วานนี้ (4 ม.ค.) นายฉัตรชัย ศิริพงษ์ หรือหนุ่ย หัวหน้าวงเบิร์น ตำแหน่งมือเบส กล่าวว่า ช่วงที่เกิดเหตุตนกำลังเล่นดนตรีอยู่บนเวทีโดยไม่ทราบว่าใครเป็นผู้จุดเอฟเฟกต์ขึ้นมา แต่หลังจากนั้นได้เหลือบมองขึ้นไปบนฝ้าเพดานเห็นไฟกำลังลามไปทั่ว เมื่อเห็นว่าไฟไหม้จึงรีบวิ่งออกทางด้านหลังเวทีมายังลานจอดรถ ทั้งนี้ ตนอยากจะขอแก้ข่าวที่ว่านักร้องเป็นผู้จุดเอฟเฟกต์นั้นว่าไม่เป็นความจริง เพราะในส่วนเอฟเฟกต์นั้นจะมีทีมงานดูแล ทางนักร้องและนักดนตรีจะไม่มีส่วนเข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ภายหลังเกิดเหตุสมาชิกวงทุกคนรู้สึกเสียใจอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงขนาดพูดกันในวงว่าจะเปลี่ยนชื่อวงหรือไม่ แต่ก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน โดยวงนี้ตั้งมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ได้เล่นดนตรีหลายที่ ส่วนที่ซานติก้าจะเล่นทุกวันอังคารถึงพฤหัสบดี เวลา 23.30 น.ถึง 00.30 น. สำหรับสถานบันเทิงอื่นๆ ก็จะเล่นที่อาร์ซีเอและอีกหลายที่
ด้าน นายกมล อ่อนทอง หนึ่งในนักร้องนำวงเบิร์น กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเห็นคนดูด้านล่างมองขึ้นมาเหนือศีรษะ เมื่อตนมองขึ้นไปก็เห็นเพลิงกำลังลุกลามไปที่ไฟพาร์ หรือไฟแสงสีประกอบการแสดงดนตรี เพียงช่วงไม่กี่วินาทีไฟก็ลามไปทั่วติดที่ไมโครไฟเบอร์ และมีเปลวไฟหยดลงมาบนเวที แม้จะพยายามช่วยกันดับก็ไม่ทันการณ์เพราะไฟลุกลามเร็วมาก จึงพากันวิ่งหลบหนีออกมา โดยช่วงที่ออกมาถึงปากประตูก็พบว่าไฟฟ้าดับแล้ว มีควันไฟจำนวนมากทะลักออกมา
“ผมได้ห้ามมือกลองของวงไม่ให้เข้าไปเอากลองเพราะไฟไหม้ลามไปหมดแล้ว นอกจากนี้ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากภายในอย่างโกลาหล จึงไปคว้าเอากระบอกไฟฉายมาส่องเข้าไปภายในเพื่อชี้ทางให้กับผู้ที่ยังติดอยู่ แต่คิดว่าทั้งหมดคงไม่ได้ยินเพราะมีควันไฟจำนวนมาก ส่วนพนักงานในร้านก็บอกกับผมว่า มีลูกค้าประมาณ 30 คน วิ่งหนีออกมาทางเดียวกับที่ผมวิ่งหนี” นายกมล กล่าว
นายกมล กล่าวต่อว่า รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นพวกตนได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ตนให้ปากคำก็ยังรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ ช่วงที่ให้ปากคำก็แทบจะพูดไม่ออกเพราะภาพเหตุการณ์มันติดตามาก และแต่ละคืนก็ยังนอนไม่หลับ รู้สึกเสียใจมากโดยเฉพาะกับแฟนคลับและพนักงานอีก 8 คน ที่รู้จักกันมานานซึ่งต้องเสียชีวิตไป โดยทราบว่าส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตเนื่องจากคอยช่วยเหลือลูกค้าในร้านจนหนีออกมาไม่ทัน
ภายหลังนักเที่ยวตกเป็นเหยื่อของเพลิงไหม้ที่ซานติก้าผับ และมีการนำมาผูกโยงถึงความเชื่อของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับซานติก้าผับ เกี่ยวกับเรื่องราวอาถรรพณ์ที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น.วันที่ 4 มกราคม กลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากทยอยเดินทางไปยังอาคารซานติก้าผับที่ถูกไฟไหม้เพื่อถ่ายรูป โดยบางคนอ้างว่าคนเฒ่าคนแก่เล่าว่า คืนวันที่ 3 วิญญาณของคนตายจะมายังจุดที่เสียชีวิต จึงอยากมาดูและถ่ายรูปเอาไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นนายณัฐวุฒิ อุระเพ็ญ อายุ 29 ปี ได้หยิบโทรศัพท์ให้ผู้สื่อข่าวดูพร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนกว่า เวลาประมาณ 4 ทุ่ม ตนเดินทางมาดูซานติก้าผับ แล้วถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือ เมื่อเปิดดูรู้สึกตกใจ เพราะเห็นรูปผิดสังเกตถึง 2 จุดด้วยกัน จุดแรกภาพหน้าต่างของซานติก้าผับทุกบานจะมืด แต่ด้านซ้ายสุดมีรูปคล้ายหัวคนโผล่ออกมา และบริเวณดาดฟ้าก็มีรูปคล้ายหญิงลักษณะใส่เสื้อสีฟ้ายาวลงมาคลุมกางเกงสีส้ม
“ผมถ่ายภาพไว้เมื่อเวลา 22.30 น. ขณะนั้นมีผมและตำรวจที่ดูแล 2-3 นายเท่านั้น ตั้งใจจะถ่ายเป็นที่ระลึก หลังดูภาพแล้วรู้สึกตกใจจึงกลับบ้าน แต่ก็นอนไม่หลับ จึงกลับมาอีกครั้ง เมื่อมาถึงก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นทยอยเดินทางมาดูซานติก้าผับไม่ขาดสาย”
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามวัยรุ่นหลายคนก็อ้างว่า อยากมาดูให้เห็นกับตาถึงเรื่องราวอาถรรพณ์ที่มีการร่ำลือกัน และบางคนก็อ้างว่าเห็นความผิดปกติเหมือนกัน พร้อมกับนำรูปถ่ายมาชี้จุดผิดสังเกตให้ดูด้วย
วานนี้ (4 ม.ค.) นายฉัตรชัย ศิริพงษ์ หรือหนุ่ย หัวหน้าวงเบิร์น ตำแหน่งมือเบส กล่าวว่า ช่วงที่เกิดเหตุตนกำลังเล่นดนตรีอยู่บนเวทีโดยไม่ทราบว่าใครเป็นผู้จุดเอฟเฟกต์ขึ้นมา แต่หลังจากนั้นได้เหลือบมองขึ้นไปบนฝ้าเพดานเห็นไฟกำลังลามไปทั่ว เมื่อเห็นว่าไฟไหม้จึงรีบวิ่งออกทางด้านหลังเวทีมายังลานจอดรถ ทั้งนี้ ตนอยากจะขอแก้ข่าวที่ว่านักร้องเป็นผู้จุดเอฟเฟกต์นั้นว่าไม่เป็นความจริง เพราะในส่วนเอฟเฟกต์นั้นจะมีทีมงานดูแล ทางนักร้องและนักดนตรีจะไม่มีส่วนเข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ภายหลังเกิดเหตุสมาชิกวงทุกคนรู้สึกเสียใจอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงขนาดพูดกันในวงว่าจะเปลี่ยนชื่อวงหรือไม่ แต่ก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน โดยวงนี้ตั้งมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ได้เล่นดนตรีหลายที่ ส่วนที่ซานติก้าจะเล่นทุกวันอังคารถึงพฤหัสบดี เวลา 23.30 น.ถึง 00.30 น. สำหรับสถานบันเทิงอื่นๆ ก็จะเล่นที่อาร์ซีเอและอีกหลายที่
ด้าน นายกมล อ่อนทอง หนึ่งในนักร้องนำวงเบิร์น กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเห็นคนดูด้านล่างมองขึ้นมาเหนือศีรษะ เมื่อตนมองขึ้นไปก็เห็นเพลิงกำลังลุกลามไปที่ไฟพาร์ หรือไฟแสงสีประกอบการแสดงดนตรี เพียงช่วงไม่กี่วินาทีไฟก็ลามไปทั่วติดที่ไมโครไฟเบอร์ และมีเปลวไฟหยดลงมาบนเวที แม้จะพยายามช่วยกันดับก็ไม่ทันการณ์เพราะไฟลุกลามเร็วมาก จึงพากันวิ่งหลบหนีออกมา โดยช่วงที่ออกมาถึงปากประตูก็พบว่าไฟฟ้าดับแล้ว มีควันไฟจำนวนมากทะลักออกมา
“ผมได้ห้ามมือกลองของวงไม่ให้เข้าไปเอากลองเพราะไฟไหม้ลามไปหมดแล้ว นอกจากนี้ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากภายในอย่างโกลาหล จึงไปคว้าเอากระบอกไฟฉายมาส่องเข้าไปภายในเพื่อชี้ทางให้กับผู้ที่ยังติดอยู่ แต่คิดว่าทั้งหมดคงไม่ได้ยินเพราะมีควันไฟจำนวนมาก ส่วนพนักงานในร้านก็บอกกับผมว่า มีลูกค้าประมาณ 30 คน วิ่งหนีออกมาทางเดียวกับที่ผมวิ่งหนี” นายกมล กล่าว
นายกมล กล่าวต่อว่า รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นพวกตนได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ตนให้ปากคำก็ยังรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ ช่วงที่ให้ปากคำก็แทบจะพูดไม่ออกเพราะภาพเหตุการณ์มันติดตามาก และแต่ละคืนก็ยังนอนไม่หลับ รู้สึกเสียใจมากโดยเฉพาะกับแฟนคลับและพนักงานอีก 8 คน ที่รู้จักกันมานานซึ่งต้องเสียชีวิตไป โดยทราบว่าส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตเนื่องจากคอยช่วยเหลือลูกค้าในร้านจนหนีออกมาไม่ทัน
ภายหลังนักเที่ยวตกเป็นเหยื่อของเพลิงไหม้ที่ซานติก้าผับ และมีการนำมาผูกโยงถึงความเชื่อของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับซานติก้าผับ เกี่ยวกับเรื่องราวอาถรรพณ์ที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น.วันที่ 4 มกราคม กลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากทยอยเดินทางไปยังอาคารซานติก้าผับที่ถูกไฟไหม้เพื่อถ่ายรูป โดยบางคนอ้างว่าคนเฒ่าคนแก่เล่าว่า คืนวันที่ 3 วิญญาณของคนตายจะมายังจุดที่เสียชีวิต จึงอยากมาดูและถ่ายรูปเอาไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นนายณัฐวุฒิ อุระเพ็ญ อายุ 29 ปี ได้หยิบโทรศัพท์ให้ผู้สื่อข่าวดูพร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนกว่า เวลาประมาณ 4 ทุ่ม ตนเดินทางมาดูซานติก้าผับ แล้วถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือ เมื่อเปิดดูรู้สึกตกใจ เพราะเห็นรูปผิดสังเกตถึง 2 จุดด้วยกัน จุดแรกภาพหน้าต่างของซานติก้าผับทุกบานจะมืด แต่ด้านซ้ายสุดมีรูปคล้ายหัวคนโผล่ออกมา และบริเวณดาดฟ้าก็มีรูปคล้ายหญิงลักษณะใส่เสื้อสีฟ้ายาวลงมาคลุมกางเกงสีส้ม
“ผมถ่ายภาพไว้เมื่อเวลา 22.30 น. ขณะนั้นมีผมและตำรวจที่ดูแล 2-3 นายเท่านั้น ตั้งใจจะถ่ายเป็นที่ระลึก หลังดูภาพแล้วรู้สึกตกใจจึงกลับบ้าน แต่ก็นอนไม่หลับ จึงกลับมาอีกครั้ง เมื่อมาถึงก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นทยอยเดินทางมาดูซานติก้าผับไม่ขาดสาย”
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามวัยรุ่นหลายคนก็อ้างว่า อยากมาดูให้เห็นกับตาถึงเรื่องราวอาถรรพณ์ที่มีการร่ำลือกัน และบางคนก็อ้างว่าเห็นความผิดปกติเหมือนกัน พร้อมกับนำรูปถ่ายมาชี้จุดผิดสังเกตให้ดูด้วย