xs
xsm
sm
md
lg

สองโจ๋นอนน้ำลายฟูมปากตายปริศนา หลังดื่มสุราฉลองปีใหม่

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ทหารเกณฑ์กับเพื่อนวัยโจ๋ นอนเสียชีวิตน้ำลายฟูมปากคาบ้านเช่า หลังกลับจากดื่มสุราฉลองปีใหม่ ตำรวจคาดกินยาผสมน้ำอัดลมจนช็อกแต่ยังไม่ฟันธงสาเหตุการตาย รอส่งศพชันสูตรอีกครั้ง

วันนี้ (6 ม.ค.) เมื่อเวลา 20.00 น. พ.ต.ท.ทศพล ทิพย์ศิริ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.สุทธิสาร รับแจ้งมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ภายในบ้านเช่า เลขที่ 49/7 ซอยโชคชัยร่วมมิตร 16 แยก 9 หรือซอยแนวแดง แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านแบ่งให้เช่า ที่บริเวณชั้นล่างพบศพผู้เสียชีวิต 2 ราย รายแรก คือ นายภัทรพงษ์ ทั่งบุญ อายุ 21 ปี สภาพศพนอนหงายอยู่บนที่นอน ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงยีนขายาวสีดำ ตามตัวมีรอยสักรูปมังกร น้ำลายฟูมปาก ใกล้กันพบศพนายบอล ภู่จริต อายุ 19 ปี สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดแขนสั้นลายขวางสีดำเทา สวมกางเกงขาสั้นสามส่วนลายทหาร น้ำลายฟูมปากเช่นกัน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง จากการตรวจสอบภายในห้องไม่พบร่องรอยการต่อสู้ พบเพียงกระติกที่ใส่น้ำอัดลมวางอยู่ และแก้วเปล่าที่มีคราบสีขาวติดอยู่ภายใน เจ้าหน้าที่จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนนางพาฝัน จินดา อายุ 46 ปี มารดาของนายภัทรพงษ์ ให้การว่าบุตรชายทหารเกณฑ์ อยู่ที่กรมสรรพาวุธ ย่านบางซื่อ และมีรายได้พิเศษจากการรับจ้างสักลายตามร่างกายและเล่นดนตรี โดยช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาบุตรชายได้ลากลับมาพักผ่อนที่บ้าน และได้ออกไปดื่มเหล้ากับเพื่อนทั้งวัน จนช่วงเช้าวันนี้ตนตื่นมาเห็นบุตรชายกับเพื่อนนอนสลบอยู่ที่หน้าบ้านมีอาการเมาสุราแต่ยังรู้สึกตัวอยู่ จึงเรียกเพื่อนบ้านมาช่วยกันอุ้มทั้งคู่เข้าไปนอนภายในห้อง จากนั้นตนก็ออกไปทำธุระ จนกระทั่งตอนเย็นบุตรสาวตน ชื่อ น.ส.สิตติยา ทั่งบุญ อายุ 19 ปี กลับมาที่บ้านเพื่อจะเอากุญแจรถ จยย.ก็เห็นทั้งคู่นอนน้ำลายฟูมปากและพบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้าน พ.ต.ท.ทศพล กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้ตายนอกจากจะดื่มเหล้าแล้ว อาจจะกินยาบางชนิดที่ผสมกับน้ำอัดลมเข้าไปด้วย ทำให้เกิดการช็อก ซึ่งจะต้องส่งน้ำอัดลมที่อยู่ในกระติกให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามียาชนิดใดผสมอยู่หรือไม่ และจะส่งศพไปชันสูตรที่นิติเวช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น