xs
xsm
sm
md
lg

2551 วัดผลงาน กองบัญชาการตำรวจนครบาล

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

กองบัญชาการตำรวจนครบาล หน่วยงานหลัก ที่ทำหน้าที่ดูแลประชาชน ในพื้นที่เมืองหลวง เป็นทัพหน้าที่ต้องคอยป้องกันอาชญากรรมทุกรูปแบบที่เกิดขึ้น และต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ ตำแหน่งแม่ทัพนครบาลจึงน่าจะเป็นตำแหน่งที่ต้องการคนที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ มิใช่เพียงทำเพื่อรับการเมือง แต่ใครเล่าจะหนีพ้นวัฎจักรเดิม ๆ ที่วนเวียนอยู่

คงเป็นเพราะการทำงานที่ต้องใกล้ชิดนักการเมือง นัยว่าเป็นการสั่งการที่สะดวก หันซ้าย ควรจะซ้าย หันขวาควรจะขวา ไม่เช่นนั้นคงทำงานด้วยกันลำบาก นั่นคงเป็นที่มาว่าเมื่อใด ก็ตามทีที่มีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล นายพล คนใด ที่ทำงานรับใช้การเมืองมานาน หรือ ผลงานเข้าตา คงจะได้ตำแหน่งที่ก้าวหน้าอย่างแน่นอน

แต่เมื่อได้รับตำแหน่งแล้วผลงานจะโดดเด่นแค่ไหนคงต้องวัดกันอีกครั้ง

หากย้อนหลังไปไม่ไกล แค่ 2 ผู้บัญชาการที่เข้ามารับตำแหน่งเริ่มจาก พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง เข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพนครบาล เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองกำลังระอุ งานที่ต้องเข้ามารับกลับต้องดูแล “ม็อบ” เป็นงานหลัก ขณะที่งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมแก่พี่น้องประชนชน กลับเป็นงานรองไปโดยปริยาย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้การปฏิบัติหน้าที่สะดุด และแม้จะโดนค่อนขอดว่ามีผลงานที่ย่ำแย่ กว่าหลาย ๆ ผู้บัญชาการในหลายสมัยที่ผ่านมา แต่ก็สามารถทำงานควบคู่กันไปได้อย่างดี แต่นั่นกลับไม่เข้าตาผู้กุมอำนาจทางการเมืองเพียงเพราะว่ามีการอ่อนข้อให้กับ กลุ่มม็อบพันธมิตรฯ มากเกินไป ทำให้ต้องกระดอนออกจากตำแหน่งก่อนที่ครบวาระเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น

พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว จึงต้องเข้ามาแบกรับภาระต่อจาก “บิ๊กวิน” ทันทีและนโยบายที่มอบไว้คือ เน้น บริการประชาชนอำนวยความยุติธรรมด้วยจิตบริการ ทำตนเป็นตำรวจอาชีพ ต้องเป็น “สุภาพบุรุษตำรวจนครบาล” แต่จากผลงานแรกที่เข้ามาคุมบังเหยียนแม่ทัพนครบาล กลับกลายเป็นการรับคำสั่งเลือด ในการสลายการชุมนุมด้านหน้าอาคารรัฐสภาของ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนมีคนเจ็บและตายหลายราย

นั่นเป็นเพียงผลงานที่ผ่านมาในรอบปีงบประมาณ 2551 ที่คงไม่มีใครอยากจดจำเพราะเป็นเหมือนตราบาปที่ติดอยู่ในใจ แต่เมื่อย่างเข้าสู่ ปีงบประมาณ 2552 สิ่งที่ต้องสร้างใหม่เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจ และต้องการจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

คงไม่มีใครสามารถให้ความมั่นใจได้ว่าในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ สภาพเศรษฐกิจในประเทศไทยจะได้รับผลกระทบ จากสภาพเศรษฐกิจโลกมากน้อยแค่ไหน ผู้คนจะต้องตกงานมากน้อยเพียง เกินความคาดเดา แต่เมื่อใดก็ตามที่ผู้คนตกงานปัญหาอาชญากรรมคงต้องผุดขึ้นเป็นเงาตามตัวอย่างแน่นอน

จากสถิติปัญหาอาชญากรรมที่ผ่านมานั้น ปัญหาที่เกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งคงต้องถือเป็นโจทย์ที่สำคัญ ที่แม่ทัพนครบาล ไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กเบื๊อก” พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ที่หากยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิม หรือใครก็ตามทีที่ก้าวเข้ามารับภาระในตำแหน่งนี้ ต้องขบคิดวางแผนเพื่อป้องกันให้เกิดปัญหาอาชญากรรม คงไม่หวังว่าจะสามารถป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่คงหวังให้เกิดน้อยที่สุด

อีกส่วนที่สำคัญคงเป็นปัญหาด้านยาเสพติดที่เป็นภัยคุกคามอย่างต่อเนื่องที่นับวัน ยานรก เริ่มระบาดเข้ามาอย่างหนักอีกระรอก หลังจากเงียบหายไปพักหนึ่ง จากการปราบปรามแบบไม่ลืมหูลืมตา ฆ่าคนไม่เลือกหน้า เพียงเพราะต้องการผลงานการจับกุม และโยนบาปให้กับคนตาย ด้วยถ้อยคำที่สุดเสนาะหู ว่า ฆ่าตัดตอนกันเอง ในสมัยรัฐบาล “นช.แม้ว” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

การปราบปรามยานรกคงไม่ใช่เรื่องยาก หากผู้บังคับบัญชามองเห็นปัญหา และให้ความสำคัญเช่นเดียวกับที่ พล.ต.ท.สุชาติ เคยลั่นวาจาไว้ในวันมอบนโยบาย ว่าพร้อมโยนเม็ดเงินให้ทำงานกันสะดุด แต่ถ้าไม่ดีโดนสอบแน่นอน ซึ่งคงเป็นกำลังใจให้ตำรวจผู้ปฏิบัติได้ทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่

สุดท้าย ประชาชนคงได้แต่หวังให้ตำรวจเป็นที่พึ่งสุดท้าย ที่จะช่วยป้องกันและดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ ให้ทำงานเพื่อประชาชน มิใช่เพียงทำงานรับใช้การเมืองเพียงเพื่อหวังให้เติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงาน ด้วยคราบน้ำตาและกองเลือดของประชาชน เหมือนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.

กำลังโหลดความคิดเห็น