คดีอาชญากรรมสำคัญในรอบปี 2551 ที่ผ่านมามีหลากหลายเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งคงจะหนีไม่พ้นเรื่องระเบิดป่วนเมืองที่เกิดขึ้นจนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติในรอบปีที่ผ่านมา ที่ชาวบ้านจะได้ยินเสียง "ตูม" ดังกันอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกสัตว์นรก ที่คอยลอบกัด "พันธมิตรฯ" อยู่ตลอดเวลา หรือจะเป็นตามสถานที่ต่างในเมืองหลวง แต่ยังเหตุระเบิดอีก 2 เหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นก็คือ การปาระเบิดขู่ข้าราชการฝ่ายตุลาการ
เหตุการณ์ข่มขวัญครั้งแรกเริ่มขึ้น เมื่อเวลา 01.00 น.ของวันที่ 21 ต.ค.2551 เกิดระเบิดขึ้นที่บ้านเลขที่ 6/48 6/136 และ 6/140 ซอยลาดพร้าว 25 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. ซึ่งเป็นบ้านของนายอักขราทร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครองสูงสุด หลังเกิดเหตุทางตำรวจสน.พหลโยธิน เจ้าของพื้นที่ นำโดย พ.ต.อ.อาคม จันทนลาช ผกก.สน.พหลโยธิน ได้รีบรุดไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 3 หลัง ปลูกอยู่เนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าบนพื้นถนนทางเข้าสู่ตัวบ้านซึ่งปูด้วยอิฐตัวหนอนมีร่องรอยหลุมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว แรงระเบิดทำให้กระจกบ้านเลขที่ 6/48 แตก และเศษใบไม้ในบริเวณดังกล่าวร่วงเกลื่อนพื้น แต่เจ้าหน้าที่ไม่พบสะเก็ดระเบิดหรือกระเดื่องระเบิดตกอยู่แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามขณะเกิดเหตุ นายอักขราทร ไม่ได้พักอยู่บ้าน แต่อยู่ระหว่างเดินทางไปราชการที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. มีเพียงลูกหลานประมาณ 10 กว่าคนอาศัยอยู่ ซึ่งทั้งหมดก็ไม่มีใครมองเห็นเหตุการณ์ว่า คนร้ายขว้างระเบิดมาจากทางไหน ได้ยินแต่เสียงระเบิดดังตูมเท่านั้น แต่หลังเกิดเหตุยังมีพยานที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียง เห็นคนร้าย 2 คน เร่งเครื่องรถจยย.ออกไปทางปากซอยอย่างรวดเร็วเท่านั้น
ต่อมา ตอนรุ่งเช้านายพลจอแก้วอย่าง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ก็ไม่รอช้า รู้ทันทีว่าจะต้องทำอย่างไรให้ตัวเองได้โผล่มายืนเท่ออกทีวี หลังจากหายหน้าหายตาไปหลายวันตั้งแต่ 7 ต.ค. "วันตำรวจฆ่าประชาชน" โดยเจ้าตัวรีบตามเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบยังบ้านหลังเกิดเหตุอีกครั้ง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือตรวจหาโลหะตรวจสอบหาสะเก็ดระเบิดแต่ไม่พบ มีเพียงเศษถุงพลาสติกชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่คาดว่าคนร้ายใช้ใส่ประทัดยักษ์ขว้างเข้ามาในบ้านเท่านั้น
หลังเก็บหลักฐานเสร็จ พล.ต.อ.จงรัก ก็ไม่ลืมที่จะสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านสื่อว่า สันนิษฐานว่าระเบิดที่คนร้ายใช้น่าจะเป็นระเบิดชนิดแรงดันต่ำ และจากการสอบถามคนในบ้านก็ไม่พบว่า มีใครเคยมีปัญหากับใคร เชื่อว่าจะเป็นกลุ่มสร้างความวุ่นวายที่ต้องการการข่มขู่ ไม่ได้มุ่งเอาชีวิตแต่อย่างใด พร้อมทั้งสั่งให้ตำรวจจัดกำลังคอยตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันเกิดเหตุซ้ำ และจัดกำลังเฝ้าตามบ้านของบุคคลสำคัญต่างๆ เช่นบ้านของประธานศาลฎีกา ซึ่งอยู่ที่ย่านบางพลัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นเช่นกัน
แม้ท่านจงรักจะโม้ผ่านสื่อว่า สั่งให้ตำรวจคอยจัดกำลังเฝ้าตามบ้านของบุคคลสำคัญๆ แล้วก็ตาม แต่คล้อยหลังเพียงแค่ 1 สัปดาห์ กับอีก 1 วันเท่านั้นเหตุการณ์บึ้มขย่มขวัญตุลาการ ก็เกิดขึ้นซ้ำอีกจนได้ คราวนี้ถึงคิวของนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 23.40 น.ของวันที่ 29 ต.ค.ในบ้านเลขที่ 92/37 หมู่บ้านศรีชวาลา ซอยปรีดีพนมยงค์ 45 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกับเหตุระเบิดที่บ้านของนายอักขราทร
คราวนี้เหตุเกิดบริเวณสวนหย่อมข้างบ้าน ตำรวจพบหลุมระเบิดใต้ต้นมะม่วง ห่างจากตัวบ้านประมาณ 1 เมตร ติดกับห้องทำงานของนายจรัญ ความลึก 20 ซม. กว้าง 50 ซม. เศษดินกระเด็นออกไปนอกรั้วบ้าน แรงระเบิดทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์พัง มีคราบเขม่าไฟ กระจกบานเกล็ดหน้าต่างชั้นล่างแตกกระจาย ประตูกระจกเลื่อนชั้นล่างแตก แต่ตำรวจไม่พบชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิด โดยเก็บหลักฐานได้แต่เพียงคราบเขม่าดินปืนไปตรวจสอบ และตำรวจก็เชื่อว่า เป็นระเบิดแรงดันต่ำ ชนิดเดียวกับที่ระเบิดบ้านนายอักขราทรอีกเหมือนกัน
นายจรัญ ให้การกับตำรวจว่า ขณะเข้าห้องน้ำได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรตกใส่หลังคาบ้าน แล้วกระเด็นลงไปข้างล่าง จากนั้นก็เกิดระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวตามมา เมื่อออกไปดูพบว่าเป็นหลุมระเบิดใต้ต้นมะม่วง ขณะที่เพื่อนบ้านยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นรถ จยย.ขี่ผ่านหน้าบ้าน สักพักได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น
รุ่งเช้าเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ก็เข้าเก็บหลักฐานในจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งเก็บเศษท่อน้ำพีวีซีสีฟ้าจำนวนหนึ่งแผงไอซี และเศษดินที่พบในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนพยานของตำรวจก็ทราบว่า ได้ยินเสียงคนร้ายขี่รถจยย. ออกไปจากซอยปรีดีพนมยงค์ 45 เพื่อทะลุออกทางลัดไปยังซอยเอกมัย 30 ซึ่งก่อนเกิดเหตุสันนิษฐานว่าคนร้ายคงจะโยนระเบิดขึ้นไปบนหลังคาจากนั้นเวลาผ่านไป 1 นาทีเศษก็เกิดระเบิด เชื่อว่าคนร้ายต้องการหน่วงเวลา
นายจรัญ ระบุหลังเกิดเหตุว่า ตนเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่มีคำว่า ขวัญเสีย ยิ่งเป็นตุลาการต้องไม่กลัว แต่ไม่ใช่ท้าทาย แค่นี้ก็คงได้ผลตามที่เขาต้องการ ที่ผ่านมาก็ยังมีอีกหลายคนที่เตือนว่าเหตุการณ์บ้านเมืองยังไม่เรียบร้อย สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดติดใจเอาความ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับข้าราชการตุลาการถึงสองครั้งในระยะห่างกันเพียงแค่ 8 วันนี้เอง ก็ทำให้นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ต้องเรียกประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นวาระพิเศษ เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย โดยจะกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้นเลยทีเดียว และยังถือว่าเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายตุลาการถูกคุกคาม จากพวก "มือมืด" ที่ต้องการข่มขู่ให้เกิดความกลัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองท่านเกรงกลัว หรือเสียขวัญแต่อย่างใด ตามที่ "ท่านจรัญ" พูดไว้ว่าเป็นข้าราชการของในหลวง ไม่มีขวัญเสีย แล้วยิ่งเป็นตุลาการด้วยแล้วก็ต้องไม่กลัว
ระยะผ่านไป 2 เดือน เรายังไม่ได้รับทราบความคืบหน้าของทั้งสองคดีที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่ก็คาดว่าท้ายที่สุดแล้ว ก็คงจะเป็นเหมือนกับคดีระเบิดในที่อื่นๆที่เกิดขึ้นตามสถานที่ต่างๆในเมืองกรุง ไม่ว่าจะเป็นตามป้อมตำรวจ สวนสาธารณะ ตู้โทรศัพท์ หรือแม้แต่ในทำเนียบรัฐบาลที่ทำให้พี่น้องพันธมิตรที่ต้องเสียชีวิต เสียเลือด เสียเนื้อกันไปมากมาย และ "ตำรวจ" ไม่เคยจับคนร้ายได้เลยแม้แต่คดีเดียว
เหตุการณ์ข่มขวัญครั้งแรกเริ่มขึ้น เมื่อเวลา 01.00 น.ของวันที่ 21 ต.ค.2551 เกิดระเบิดขึ้นที่บ้านเลขที่ 6/48 6/136 และ 6/140 ซอยลาดพร้าว 25 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. ซึ่งเป็นบ้านของนายอักขราทร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครองสูงสุด หลังเกิดเหตุทางตำรวจสน.พหลโยธิน เจ้าของพื้นที่ นำโดย พ.ต.อ.อาคม จันทนลาช ผกก.สน.พหลโยธิน ได้รีบรุดไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 3 หลัง ปลูกอยู่เนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าบนพื้นถนนทางเข้าสู่ตัวบ้านซึ่งปูด้วยอิฐตัวหนอนมีร่องรอยหลุมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว แรงระเบิดทำให้กระจกบ้านเลขที่ 6/48 แตก และเศษใบไม้ในบริเวณดังกล่าวร่วงเกลื่อนพื้น แต่เจ้าหน้าที่ไม่พบสะเก็ดระเบิดหรือกระเดื่องระเบิดตกอยู่แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามขณะเกิดเหตุ นายอักขราทร ไม่ได้พักอยู่บ้าน แต่อยู่ระหว่างเดินทางไปราชการที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. มีเพียงลูกหลานประมาณ 10 กว่าคนอาศัยอยู่ ซึ่งทั้งหมดก็ไม่มีใครมองเห็นเหตุการณ์ว่า คนร้ายขว้างระเบิดมาจากทางไหน ได้ยินแต่เสียงระเบิดดังตูมเท่านั้น แต่หลังเกิดเหตุยังมีพยานที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียง เห็นคนร้าย 2 คน เร่งเครื่องรถจยย.ออกไปทางปากซอยอย่างรวดเร็วเท่านั้น
ต่อมา ตอนรุ่งเช้านายพลจอแก้วอย่าง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ก็ไม่รอช้า รู้ทันทีว่าจะต้องทำอย่างไรให้ตัวเองได้โผล่มายืนเท่ออกทีวี หลังจากหายหน้าหายตาไปหลายวันตั้งแต่ 7 ต.ค. "วันตำรวจฆ่าประชาชน" โดยเจ้าตัวรีบตามเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบยังบ้านหลังเกิดเหตุอีกครั้ง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือตรวจหาโลหะตรวจสอบหาสะเก็ดระเบิดแต่ไม่พบ มีเพียงเศษถุงพลาสติกชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่คาดว่าคนร้ายใช้ใส่ประทัดยักษ์ขว้างเข้ามาในบ้านเท่านั้น
หลังเก็บหลักฐานเสร็จ พล.ต.อ.จงรัก ก็ไม่ลืมที่จะสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านสื่อว่า สันนิษฐานว่าระเบิดที่คนร้ายใช้น่าจะเป็นระเบิดชนิดแรงดันต่ำ และจากการสอบถามคนในบ้านก็ไม่พบว่า มีใครเคยมีปัญหากับใคร เชื่อว่าจะเป็นกลุ่มสร้างความวุ่นวายที่ต้องการการข่มขู่ ไม่ได้มุ่งเอาชีวิตแต่อย่างใด พร้อมทั้งสั่งให้ตำรวจจัดกำลังคอยตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันเกิดเหตุซ้ำ และจัดกำลังเฝ้าตามบ้านของบุคคลสำคัญต่างๆ เช่นบ้านของประธานศาลฎีกา ซึ่งอยู่ที่ย่านบางพลัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นเช่นกัน
แม้ท่านจงรักจะโม้ผ่านสื่อว่า สั่งให้ตำรวจคอยจัดกำลังเฝ้าตามบ้านของบุคคลสำคัญๆ แล้วก็ตาม แต่คล้อยหลังเพียงแค่ 1 สัปดาห์ กับอีก 1 วันเท่านั้นเหตุการณ์บึ้มขย่มขวัญตุลาการ ก็เกิดขึ้นซ้ำอีกจนได้ คราวนี้ถึงคิวของนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 23.40 น.ของวันที่ 29 ต.ค.ในบ้านเลขที่ 92/37 หมู่บ้านศรีชวาลา ซอยปรีดีพนมยงค์ 45 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกับเหตุระเบิดที่บ้านของนายอักขราทร
คราวนี้เหตุเกิดบริเวณสวนหย่อมข้างบ้าน ตำรวจพบหลุมระเบิดใต้ต้นมะม่วง ห่างจากตัวบ้านประมาณ 1 เมตร ติดกับห้องทำงานของนายจรัญ ความลึก 20 ซม. กว้าง 50 ซม. เศษดินกระเด็นออกไปนอกรั้วบ้าน แรงระเบิดทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์พัง มีคราบเขม่าไฟ กระจกบานเกล็ดหน้าต่างชั้นล่างแตกกระจาย ประตูกระจกเลื่อนชั้นล่างแตก แต่ตำรวจไม่พบชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิด โดยเก็บหลักฐานได้แต่เพียงคราบเขม่าดินปืนไปตรวจสอบ และตำรวจก็เชื่อว่า เป็นระเบิดแรงดันต่ำ ชนิดเดียวกับที่ระเบิดบ้านนายอักขราทรอีกเหมือนกัน
นายจรัญ ให้การกับตำรวจว่า ขณะเข้าห้องน้ำได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรตกใส่หลังคาบ้าน แล้วกระเด็นลงไปข้างล่าง จากนั้นก็เกิดระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวตามมา เมื่อออกไปดูพบว่าเป็นหลุมระเบิดใต้ต้นมะม่วง ขณะที่เพื่อนบ้านยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นรถ จยย.ขี่ผ่านหน้าบ้าน สักพักได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น
รุ่งเช้าเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ก็เข้าเก็บหลักฐานในจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งเก็บเศษท่อน้ำพีวีซีสีฟ้าจำนวนหนึ่งแผงไอซี และเศษดินที่พบในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนพยานของตำรวจก็ทราบว่า ได้ยินเสียงคนร้ายขี่รถจยย. ออกไปจากซอยปรีดีพนมยงค์ 45 เพื่อทะลุออกทางลัดไปยังซอยเอกมัย 30 ซึ่งก่อนเกิดเหตุสันนิษฐานว่าคนร้ายคงจะโยนระเบิดขึ้นไปบนหลังคาจากนั้นเวลาผ่านไป 1 นาทีเศษก็เกิดระเบิด เชื่อว่าคนร้ายต้องการหน่วงเวลา
นายจรัญ ระบุหลังเกิดเหตุว่า ตนเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่มีคำว่า ขวัญเสีย ยิ่งเป็นตุลาการต้องไม่กลัว แต่ไม่ใช่ท้าทาย แค่นี้ก็คงได้ผลตามที่เขาต้องการ ที่ผ่านมาก็ยังมีอีกหลายคนที่เตือนว่าเหตุการณ์บ้านเมืองยังไม่เรียบร้อย สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดติดใจเอาความ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับข้าราชการตุลาการถึงสองครั้งในระยะห่างกันเพียงแค่ 8 วันนี้เอง ก็ทำให้นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ต้องเรียกประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นวาระพิเศษ เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย โดยจะกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้นเลยทีเดียว และยังถือว่าเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายตุลาการถูกคุกคาม จากพวก "มือมืด" ที่ต้องการข่มขู่ให้เกิดความกลัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองท่านเกรงกลัว หรือเสียขวัญแต่อย่างใด ตามที่ "ท่านจรัญ" พูดไว้ว่าเป็นข้าราชการของในหลวง ไม่มีขวัญเสีย แล้วยิ่งเป็นตุลาการด้วยแล้วก็ต้องไม่กลัว
ระยะผ่านไป 2 เดือน เรายังไม่ได้รับทราบความคืบหน้าของทั้งสองคดีที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่ก็คาดว่าท้ายที่สุดแล้ว ก็คงจะเป็นเหมือนกับคดีระเบิดในที่อื่นๆที่เกิดขึ้นตามสถานที่ต่างๆในเมืองกรุง ไม่ว่าจะเป็นตามป้อมตำรวจ สวนสาธารณะ ตู้โทรศัพท์ หรือแม้แต่ในทำเนียบรัฐบาลที่ทำให้พี่น้องพันธมิตรที่ต้องเสียชีวิต เสียเลือด เสียเนื้อกันไปมากมาย และ "ตำรวจ" ไม่เคยจับคนร้ายได้เลยแม้แต่คดีเดียว
